ได้ฤกษ์ออนแอร์ และก็ได้ฤกษ์ดูซะที “The Gifted Graduation” บทสรุปที่กำลังจะดำเนินต่อ หลังจากที่ให้รอมา 2 ปีเต็ม (ไวอยู่นะทำเป็นเล่นไป) จริง ๆ ตั้งใจะดูตั้งแต่ที่ออนแอร์ EP. แรก แต่คิวซีรีส์ตอนนี้ยาวมากเหลือเกิน และเห็นว่าเพิ่งตอนเดียว เอาไว้ก่อนละกัน จนมาสัปดาห์นี้เจอเทรนด์ทวิตเตอร์เข้าไปก็เริ่มรอไม่ไหวแล้ว โอเค ลัดคิวเลย
“The Gifted Graduation” เป็นภาคต่อของซีรีส์ “The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์” ที่เคยเป็นกระแสทั้งปริศนา ความสนุก ความน่าติดตาม ถึงขั้นที่เรียกติ่งซีรีส์เกาหลีกลับมาดูซีรีส์ไทยได้หลายคนเลย เรื่องราวของนักเรียนม.4 (ปัจจุบันขึ้นม.6) ที่ถูกคัดเลือกผ่านการสอบเข้าไปเรียนในห้องกิฟต์ ห้องที่เด็กได้รับสิทธิพิเศษเกินหน้าเกินตาเด็กคนอื่นในโรงเรียน
ทีแรกก็เหมือนที่เราเข้าใจกันในชีวิตจริง ว่าเด็กห้องกิฟต์คือเด็กเก่งระดับหัวกะทิของโรงเรียน ผลการเรียนเป็นเลิศ (เคยได้อยู่เหมือนกันนะขอขิง) แต่ที่ทำให้คนเริ่มสงสัยในมาตรฐานการสอบเข้าห้องกิฟต์ก็เพราะมีเด็กห้องบ๊วยที่เรียนไม่เอาไหนดันสอบติดห้องกิฟต์ซะได้ เมื่อได้เข้ามาเรียน ความลับของคลาสกิฟต์ก็ถูกเปิดเผยทีละน้อย ความลับของโรงเรียน ความลับของครู ความลับของผอ. และความลับของตัวเองที่มีศักยภาพประหลาด ประหลาดจนมีผลกระทบกับนักเรียนธรรมดาคนอื่น
จะว่าไปก็คิดถึงห้องกิฟต์รุ่น 15 เหมือนกันนะ คิดถึงนนน คิดถึงซิม่อน คิดถึงเฟียต คิดถึงซิง คิดถึงพี่กัน คิดถึงพี่วิคเตอร์ ง่าย ๆ คือ คิดถึงผู้ชาย ในเมื่อพวกเขากลับมาปิดบัญชีเรื่องนี้แล้ว หลังจากออนแอร์มา 2 EP. ก็จะมาเล่าให้ฟังคร่าว ๆ แบบไม่มีสปอยล์ละกัน ทุกอย่างที่ยกมา มาจากเรื่องย่อและเรื่องราวในภาคที่แล้วทั้งนั้น
ความเท่าเทียมไม่มีอยู่จริง
ใครที่ติดดตามดูมาตั้งแต่ภาคแรกก็จะเห็นว่าสิ่งที่ตัวละครเรียกร้อง คือความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของนักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะเด็กห้อง 1 หรือเด็กห้องบ๊วย เด็กห้องธรรมดาหรือเด็กห้องกิฟต์ ไม่มีใครที่จะมีสิทธิพิเศษเหนือใคร ยิ่งโดยเฉพาะสิทธิพิเศษนั้นมันทำให้คนที่ไม่มีเดือดร้อน
ในฐานะนักเรียนม.6 ที่กำลังจะจบการศึกษา พวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงระบบของโรงเรียนที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยคนเพียงคนเดียว คนที่อยู่เหนือทุกอย่าง พวกเขาพยายามที่จะรักษาอุดมการณ์และมิตรภาพ ใช้ศักยภาพที่ตัวเองมีให้เกิดประโยชน์ แต่ก็ต้องไม่ลืมไงว่าฝ่ายตรงข้ามเขาก็มีเหมือนกัน การต่อสู้ในภาคนี้ก็เลยดูยาก ซับซ้อน และอันตรายกว่าที่คิด แต่พวกเขาจะทำสำเร็จไหม ก็ต้องตามลุ้นดู (พอ พูดมากกว่านี้จะสปอยล์)
ถ้าดูแล้ววิเคราะห์ดี ๆ (ไม่วิเคราะห์ก็ยังเห็น) จะเห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้เสียดสีสังคมแบบเต็ม ๆ บางฉากตัวละครพูดตรง ๆ แรง ๆ เลยด้วยซ้ำ ด้วยอุดมการณ์ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงนู่นนั่นนี่ในโรงเรียน นำโดยเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เป็นอยู่ พวกเขากล้าที่จะทำ กล้าที่จะลอง แต่ก็อีกนั่นแหละ พวกเขาก็ยังใช้ศักยภาพที่มีเหนือคนอื่น ดังนั้น ถ้ามองโลกตามความเป็นจริง เอาตัวออกมาจากโลกในอุดมคติ ก็จะเห็นเองว่าความเท่าเทียมมันไม่มีอยู่จริง
เด็ก (กิฟต์) รุ่นใหม่พยายามกำหนดอนาคตของตัวเอง
รุ่นพี่เด็กกิฟต์ม.6 ที่เคยเผชิญเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ มาแล้ว 1 ปีการศึกษา สมัยที่ตัวเองอยู่ม.4 จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนหน้าอนาคตโรงเรียนและรุ่นน้องเสียใหม่ แต่รุ่นน้องที่เข้ามาก็มีความฝัน มีความพยายามเหมือนกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนฤทธาวิทยาคมเพราะอยากเรียห้องกิฟต์ แต่เมื่อเข้ามาแล้วพบว่าคลาสกิฟต์ที่เป็นที่เลื่องลือถูกยกเลิก เขาเลยทำทุกอย่างที่จะเอาคลาสกิฟต์ (ที่เด็กกิฟต์รุ่นพี่ล้มไป) กลับมา
ก็เพราะยังไม่รู้ไงว่าเรื่องราวเมื่อปีก่อนเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กใหม่ม.4 ก็เลยมุ่งมั่นเต็มที่ที่จะเอาห้องกิฟต์คืนมา เมื่อได้มาเจอเข้ากับแก๊งรุ่นพี่ตัวปัญหา เลยต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ต่อกรกันนิดหน่อย แต่สิ่งที่ค้นพบจะทำให้เด็กใหม่เห็นด้วยกับรุ่นพี่ไหมในเมื่อความฝันพวกเขาต่างกัน ขณะเดียวกันการต่อสู้ทางความคิดระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ (ในเรื่อง) ก็มาถึงจุดแตกหัก ต้องไปร่วมลุ้นการปิดฉากก่อนจบม.6 ของแก๊งนี้กันเอาเอง
ยิ่งดูก็ยิ่งหวั่น ๆ ว่าเรื่องจะปลิวหรือเปล่า เพราะมันค่อนข้างละเอียดอ่อนกับเหตุการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ แต่ซีรีส์ชัดเจนมาก่อนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วนู่น ร่วมกันภาวนาให้ซีรีส์ออนแอร์ได้จนจบละกันเนอะ
มิตรภาพคือการให้ใจ จริงใจ เชื่อใจ
มีสำนวนเกี่ยวกับเพื่อนอยู่เยอะแยะ แต่ที่ชอบและรู้สึกทัชใจมากจนน้ำตาแทบไหลก็คือ “เพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา” และ “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” ที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับ 2 สำนวนนี้ เป็นเพราะมีประสบการณ์ร่วม กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งมากมาย เจอเพื่อนมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน เจ็บปวดไม่น้อยกับคนที่เรียกว่าเพื่อน และสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพ
จริงอยู่ที่ประสบการณ์เรายังไม่เท่าผู้ใหญ่ที่ชอบบอกว่าตัวเองอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่อายุที่เพิ่มขึ้น ประสบการณ์ก็มากขึ้นตาม ซึ่งประสบการณ์ชีวิตที่เคยเจอมามันก็ค่อย ๆ สอนอยู่ ผิดบ้างพลาดบ้าง ตื่นเต้นดี ถึงยังไงก็เถอะ คงไม่อาบน้ำร้อนเหมือนผู้ใหญ่แน่ ก็รู้อยู่ว่าร้อนจะไปอาบให้มันลวกตัวทำไมน่ะ (ฮ่า ๆ)
คนที่มีเพื่อนดี คุณรู้ไหมว่าคุณโชคดีมากแค่ไหน ถ้าคุณมีเพื่อนประเภทที่สามารถคุยกันได้ด้วยสายตา เพื่อนที่หัวเราะ ร้องไห้ไปด้วยกันในทุกช่วงชีวิค คนที่ขี้เผือกแต่ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยทุกครั้ง สนิทแต่รู้ขอบเขต ผิดใจกันคือไปพักให้ใจร่ม ๆ แล้วค่อยมาคุยเปิดใจกัน
บางคนอาจมีเพื่อนแบบนี้เป็นเพื่อนสมัยเรียนม.ปลาย บางคนบอกเพื่อนมหาวิทยาลัย บางคนบอกเพื่อนที่ทำงาน แต่สำหรับเรา นางคือเพื่อนตั้งแต่อนุบาล ถึงทุกวันนี้จะคบกันมาเกินค่อนชีวิต ก็มีนางคนเดียวนี่แหละที่อยู่ในแทบทุกช่วงชีวิต คนเดียวที่สนิทมากจริง ๆ (ทำไมเพื่อนน้อยจังเนี่ย) เอาเถอะ คนที่มีเพื่อนเยอะ ไม่น่าอิจฉาเท่าคนมีเพื่อนดีหรอกจริงไหม?
เอาเป็นว่าเรื่องราวการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเด็กกิฟต์รุ่น 15 ที่ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นม.6 จะเป็นอย่างไรต่อไป กับรุ่นน้องม.4 ที่อยากเรียนคลาสกิฟต์ และเด็กม.5 ที่ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนทำอะไรอยู่ ก็ต้องไปดู คำเตือน ถ้าลืมเรื่องภาคแรกไปแล้วก็ไปย้อนดูก่อนนะ เพราะตอนต้น ๆ ของภาคนี้พูดถึงภาคแรกเยอะอยู่ ภาคก่อนมันตั้ง 2 ปีมาแล้ว ก็คงลืมกันไปบ้างแหละ ดูซีรีส์เยอะเกินจนสับสนไปหมด ^_^