คิดแบบ ต.โต้ง อิสรพงษ์ ผลมั่ง “ฮิปโป จากปากน้ำโพ”

“ชื่อเสียงมันมาแล้วก็ไปทำงานและมีความสุขกับงาน และนำเสนอข้อมูลความรู้ผู้ชมดีกว่า” พี่โต้ง อิสรพงษ์ ผลมั่ง เจ้าของนามปากกา ต.โต้ง พูดกับผู้เขียนไว้ในเฟซบุ๊คไลฟ์ รายการสุดฟากสนามเมื่อวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นประโยคที่นอกจากจะทำให้เห็นสัจธรรมแล้ว ยังทำให้เห็นด้วยว่าคนที่เป็นตัวจริงนั้นเขาคิดกันอย่างไร วันนี้เลยขอเอามาเล่าให้ฟังอีกสักรอบเผื่อจะกระตุกความรู้สึกคนในโลกยุคดิจิตอลที่นิยมไฮสปีด ไปในทุกบริบทของชีวิตกันได้บ้าง

เอ่ยชื่อ ต.โต้ง ในแวดวงกีฬานั้นคงไม่ต้องใช้คำขยายต่อท้ายให้ยาวมากเพราะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บรรยายฟุตบอลชื่อดัง พิธีกรรายการกีฬา นักจัดรายการวิทยุ และยังเป็นคนที่สามารถนั่งเล่าเรื่องสนุกๆให้คนฟังได้เพลิดเพลินกันได้ตลอดวัน ที่ผ่านมาชีวิตของพี่โต้งนั้นมีทั้งคนรักและคนชัง แต่พี่โต้งบอกอย่างอารมณ์ดีว่าเลือกที่จะมองคนที่รักมากกว่า และถึงแม้จะมีชื่อเสียงแค่ไหน คุณอิสรพงษ์ ก็ยังมองว่าความสุขที่แท้คือได้ทำงานที่รัก

ชีวิตของพี่โต้ง ที่เจ้าตัวบอกว่า เป็น “ฮิปโป จากปากน้ำโพ” (ล้อไปกับ วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์นักฟุตบอลชื่อดังจากนครสวรรค์ ที่ได้ฉายาว่า “สิงโตจากปากน้ำโพ) นั้นเรียกได้ว่าเป็นจอมพเนจรคนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะแม้จะเกิดและโตที่นครสวรรค์ แต่ก็ไปใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนจะเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อสานฝันตัวเองต่อในฐานะผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่สยามกีฬา พี่โต้งเล่าให้ฟังว่ามีความฝัน และต้องการเป็นผู้สื่อข่าวกีฬามาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แม้ว่าทางบ้านอยากให้รับราชการเพื่อความมั่นคงก็ตาม

ถึงตรงนี้ผู้เขียนเลยถามพี่โต้งว่า “พี่ภูมิใจไหมที่สามารถสร้างชื่อเสียงด้วยตนเองมาได้ถึงขนาดนี้” พี่โต้งตอบอย่างให้ข้อคิดว่า “ชื่อเสียงมันมาแล้วก็ไปนะพี่ไม่ค่อยจะสนใจตรงนั้นเท่าไร แต่พี่ดีใจที่สามารถทำให้ที่บ้านเห็นว่า ด้วยอาชีพนักข่าวที่เราเลือกนั้นสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ยืนอยู่บนลำแข้งตนเอง และดูแลคุณพ่อคุณแม่ได้ เหนืออื่นใดได้ทำงานที่ตัวเองรัก และได้ให้ความรู้มุมมองเรื่องกีฬาแก่ผู้ชม ผู้ฟัง เป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขมาก”

เมื่อผู้เขียนถามถึงวิธีการในการเดินทางสู่ความสำเร็จในทุกวันนี้ พี่โต้งตอบชนิดที่ต้องขีดเส้นใต้กันเลยว่า “ทำงานทุกอย่างต้องใช้ความอดทน เราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้แบบชั่วข้ามคืน คนที่อยากประสบความสำเร็จเร็วๆ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ทางลัด ซึ่งวิธีการเหล่านี้มันไม่ได้ทำให้เกิดความยั่งยืน เราไม่ได้อยู่ในวงการ หรือในสังคมนี้เพียงแค่ปีสองปี เมื่อเลือกแล้วเราก็ต้องอยู่ให้ดีและรักษามันเอาไว้ให้ตลอดรอดฝั่งซึ่งทางรอดเดียวคือต้องใช้ความสามารถที่แท้จริง ความอดทน และรอจังหวะเวลาที่ดี”

เป็นข้อคิดที่ดีนะคะ สำหรับโลกยุคใหม่ที่ผู้คนส่วนใหญ่ใจร้อนอยากเห็นความสำเร็จเร็วๆ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ความสำเร็จเร็วๆก็เหมือนกับการจุดพลุ มันจะสวยงามเพียงแค่วูบเดียว สุดท้ายแล้วก็จะจางหายไปเหลือแต่ควันและกลิ่นดินประสิวที่ไม่น่าจดจำ … แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ