ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราจะมาพบกันทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. กับคอลัมน์ใหม่กิ๊ก “ชะนีติดซีรีส์” แน่นอนว่า “เรา” ก็คือชะนีที่เสนอตัวเองมาเม้าท์มอยซีรีส์ให้ฟังทุกสัปดาห์ มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง เลือกเสพตามอัธยาศัย
เราจะเปิดคอลัมน์ด้วยผู้ชายที่หายหน้าไปนานกว่า 2 ปี “อีมินโฮ” นั่นเอง ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติไปเมื่อปีที่แล้ว ฮีก็กลับมาทวงบัลลังก์สามีแห่งชาติคืน ด้วยซีรีส์เรื่องใหม่ “The King: Eternal Monarch” ทีแรก เรากะให้เรื่องมันจบก่อนแล้วค่อยดูรวดเดียว เพราะไม่อยากมาตามลุ้นทีละตอน แต่เนื่องจากเป็นเวลาลงคอลัมน์พอดี ก็เลยต้องดึงมินโฮอปป้ามาอวยเอาฤกษ์เอาชัย
หลายคนคงทราบเรื่องย่อของ “The King: Eternal Monarch” แล้ว ว่าเป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-แฟนตาซี ที่เล่าเรื่องราวของโลกคู่ขนาน 2 โลก กับการเดินเข้าเดินออกผ่านประตูที่เชื่อมโลกทั้ง 2 เขียนบทโดย “คิมอึนซุก” และกำกับการแสดงโดย “แพคซังฮุน” ที่ทำให้ Descendants of the Sun โด่งดังระดับเอเชียมาแล้ว แถมยังมีผลงานอีกหลายเรื่องที่เป็นตำนานระดับเอเชียด้วยเหมือนกัน
ต้องยอมรับว่าที่ตัดสินใจจะดูเรื่องนี้แน่ ๆ ก็เพราะมีพระราชาเบ้าหน้าฟ้าประทาน ที่รับบทโดยอีมินโฮนี่แหละ แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่า คือการได้ “คิมโกอึน” มาเป็นนางเอก ซึ่งเราเคยจินตนาการถึงเคมีของ 2 คนนี้ ว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ ตั้งแต่เห็นคิมโกอึนในเรื่อง Cheese In The Trap แล้ว ฝีมือขนาดโกอึนควรไปเจอกับมินโฮดูซักครั้ง ในที่สุด ผู้กำกับก็บันดาลให้พวกเขาโคจรมาเจอกัน
สังคมที่ไม่ก้าวข้ามการวัดค่าของคนจากหน้าตา
แต่กลายเป็นว่ามีกระแสโจมตีคิมโกอึนอย่างหนักหน่วง ทั้งจากฝั่งเกาหลีและฝั่งไทย ว่า “ไม่สวย” “ไม่เหมาะสมกับอีมินโฮ” “ไม่สมควรเป็นนางเอก” “ค่าตัวมินโฮแพงแล้ว เกรดนางเอกเลยลดลงเพราะงบหมด” คือจะต้องดูถูกผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดนี้เลยเหรอ? นี่มันปี 2020 แล้วค่ะ เลิกวัดค่าของคนจากหน้าตาซะที นู่น! ไปประเมินความสามารถทางการแสดงของเธอเถอะ ซีรีส์ทุกเรื่องที่เธอเป็นนางเอกล้วนดังข้ามประเทศทั้งนั้น ซึ่งถ้าไม่แน่จริง เธอคงไม่ได้มายืนในจุดนี้
สำหรับบทตำรวจสาวนักสืบที่คิมโกอึนได้รับนั้น เรามองว่าหน้าตาธรรมดา ๆ ของเธอนี่แหละที่ทำให้ตัวละครนี้ดูมีมิติ ดูเป็นธรรมชาติ แล้วเธอก็เป็นคนมีคาแร็กเตอร์ชัดเจน นั่นยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์ แม้จะไม่ได้สวยพิมพ์นิยมเหมือนนางเอกเกาหลีคนอื่น ๆ ก็ตาม นี่จึงทำให้คิมโกอึนเหมาะสมที่จะประกบคู่กับอีมินโฮในเรื่องนี้ที่สุดแล้ว
บทบ้งหรือแค่ไม่ถูกจริต?
มาในส่วนของเนื้อเรื่องที่ฉายมาได้ 7 ตอน มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์บทอยู่พอสมควร ว่าบทพังในระดับที่พระเอกนางเอกตัวท็อปยังเอาไม่อยู่ ส่วนตัวเราก็ว่ามันไม่ได้เนือยขนาดทำให้หลับได้ ยังมีช่วงตื่นเต้นให้ตามลุ้นอยู่บ้าง เท่าที่ดูไปแล้ว 6 ตอน เนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน ก็เลยเดินเรื่องช้าไปหน่อย อย่างไรก็ตาม มีปมน่าสงสัยเต็มไปหมด ตอนนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 4 ปม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ติดซีรีส์เรื่องนี้แล้วเรียบร้อย
อีกส่วนที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตาม และต่างจากซีรีส์โลกคู่ขนานเรื่องอื่น ๆ คือการ “รื้อประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง” มาเล่าใหม่ในลักษณะของการสร้างโลกที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมาอีกใบ ว่าในปี 2019 เกาหลีอีกโลกยังคงปกครองระบอบกษัตริย์มาจนถึงปัจจุบัน นี่ไม่ใช่ซีรีส์ย้อนเวลาจากปัจจุบันไปอดีต แต่เป็นช่วงเวลาปัจจุบันของทั้ง 2 โลก มีตัวละครหน้าตาเหมือนกันอยู่ทั้ง 2 โลก โดยมีนิสัยและรูปแบบชีวิตแบบขั้วตรงข้ามชัดเจนทุกตัว ยกเว้น…(ไปดูเอาเอง)
ทั้งยังมีประเด็นที่น่าสนใจ เกิดขึ้นหลังจากไปส่องแฮชแท็กในทวิตเตอร์ มีคนออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จริง ๆ ระหว่างเกาหลีและจีน คือประเด็นการใช้สรรพนามบุรุษที่ 2 เรียกกษัตริย์เกาหลี ว่ามีนัยยะทางการเมืองที่ไม่แคร์จีนซะงั้น (สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ Twitter #เกาหลีสามัญชน เขาอธิบายไว้ดีมาก เข้าใจง่าย สาระล้วน ๆ ส่วนเราไม่มีความรู้เรื่องนี้ ^^) รวมถึงประเด็นที่หวิดจะเกิดสงครามกับญี่ปุ่นอีกด้วย (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าญี่ปุ่นในโลกนี้จะรู้ตัวไหมว่าเกือบทำสงครามกับกษัตริย์แห่งเกาหลีซะแล้ว)
เราว่าการที่คนชอบไม่ชอบมันอยู่ที่รสนิยม ปัจจัยหลาย ๆ อย่างอาจไม่ถูกจริต หรืออาจเพราะคาดหวังสูงเกินไป ว่าพระเอกนางเอกระดับนี้ เรื่องจะต้องเปรี้ยง ทั้งที่ตอนหน้า ๆ จะต้องมีอะไรพีค ๆ มาปั่นคนดูแน่นอน ตัวละครแต่ละตัวก็เริ่มมีอะไรให้ค้นหาขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อเรื่องก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง จนเหมือนเห็นลาง ๆ ว่าอาจจะจบไม่สวยก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ก็สนุกดีแค่ไม่ว้าวตามที่หลายคนคาด ถ้าไม่ดูก็ไม่รู้สึกพลาดอะไร แต่ว่าดูเถอะ เพราะผู้ชายทุกคนหล่อ! ผู้หญิงทุกคนก็น่ารัก!
เปิดคอลัมน์มาก็พล่ามซะเยอะ สุดท้ายนี้ได้แต่หวังว่าเราและทุก ๆ คน ที่อยู่ในโลกคู่ขนานจะมีความสุขดี และได้ดู “The King: Eternal Monarch” เหมือนกัน …คิดว่าที่นั่นคงไม่มี COVID-19 นะ @_@