Road to Tokyo 2020

เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 6 เดือนแล้วนะครับ ที่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง โอลิมปิก จะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง เที่ยวนี้มีความน่าสนใจมากเพราะจัดใกล้ตัวเราอยู่ในเอเชีย แถมอยู่ในเมืองที่มีทั้งอดีตอันยิ่งใหญ่ (เคยเป็นเจ้าภาพมาแล้ว 1 หนด้วย) และปัจจุบันที่ก้าวไกลไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยอย่างกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น

ผมโชคดีมีโอกาสเข้าไปร่วมผลิตรายการ Road to Tokyo2020 ได้รับข้อมูลมาว่า เที่ยวนี้คนไทยจะได้รับชมการถ่ายทอดสดกันอย่างจุใจจากหลากหลายช่องทาง ทั้งฟรีทีวี, แพลตฟอร์มดิจิทัล และทาง Out of Home หรือสื่อที่เป็นจอตามสี่แยกใหญ่ๆ เป็นครั้งแรก

อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นมิติใหม่ของการถ่ายทอดสดกีฬาบ้านเราก็คงไม่ผิดนัก อดใจรอเอาใกล้กว่านี้อีกหน่อยให้เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นคนแถลงรายละเอียดทั้งหมดให้ชัดเจนอีกครั้งนะครับ

ถามว่าหนนี้ทัพนักกีฬาไทยจะมีโอกาสได้ลุ้นเหรียญรางวัลหรือไม่? ก็ต้องบอกว่ามีลุ้นเหมือนเช่นทุกครั้งละครับ

หลายๆ คนโฟกัสไปที่ “น้องเทนนิส” ภานิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองแดงเที่ยวที่แล้วและเพิ่งจะได้แชมป์โลกอีกสมัยเมื่อปลายปีที่แล้วจากเทควันโด กีฬาอื่นๆ จะแอบหวังที่แบดมินตันคู่ผสม หรือยิงปืน ยิงเป้าบิน กอล์ฟอีกหน่อย ก็คงไม่ผิดนัก

แต่ “ขาประจำ” ประเภทที่เคยเป็นความหวังหลักของไทยมาตลอดอย่าง มวยสากลสมัครเล่นล่ะ จะพอมีลุ้นหรือไม่?

ผมได้รับคำยืนยันจาก “เดอะ บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ จากการที่ได้ทำรายการ Road to Tokyo2020 ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 15.15 น. ร่วมกันทาง PPTV HD36 ว่าทีมเสื้อกล้ามไทยได้ลุ้นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแน่นอน

สมรักษ์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทยเราเมื่อปี 1996 ที่แอตแลนต้า ปัจจุบันรับราชการทหารเรือ และเป็นพนักงานกิตติมศักดิ์ของบริษัท โอสถสภาฯ ล่าสุดถูกตามตัวให้เข้าไปช่วยให้คำแนะนำทีมนักเสื้อกล้ามไทยที่ได้สิทธิ์ไปทำการแข่งขันครั้งนี้เรียบร้อย

“เดอะ บาส” พูดประโยคไม่ซับซ้อนออกมาให้ผมฟังว่า หลักการง่ายๆ ที่จะต้องถ่ายทอดให้นักชกรุ่นน้องๆ ได้เข้าใจคือ “ชกเขาให้ได้ และอย่าให้เขาชกถูก” รับรองชนะแน่นอน

เออว่ะ บาส พูดอีกก็ถูกอีกอะเนอะ!

แต่จริงๆ แล้วเจ้าของประโยค “โม้อมตะ” ผู้นี้ต้องการสื่อสารสไตล์การชกแบบฉาบฉวยหรือ “ตีหัวเข้าบ้าน” ที่ได้ผลเสมอ ซึ่งนักมวยไทยจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจให้ดี ไม่มีประโยชน์ที่จะไปยืนแลกกลางเวทีเหมือนมวยอาชีพ นั่นคือหนึ่งในคำสอนอันล้ำค่าจากรุ่นพี่ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว

ถนนสู่โตเกียว 2020 ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้คุณได้ติดตาม แล้วผมจะกลับมาแวะเวียนอัพเดตให้ฟังอีกนะครับ.