ในชีวิตจริง แต่ละอาชีพล้วนมีความสำคัญต่อระบบสังคมใหญ่ไม่แพ้กัน แต่ละบุคคลต่างมีความเข้าใจและความสามารถที่โดดเด่นของตัวเอง และในภาพรวมนั้นทุกคนคือฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนสังคมให้เดินไปข้างหน้าอย่างพร้อม ๆ กันด้วยหน้าที่ของตัวเอง
แต่สิ่งที่เป็นไปในสังคมของคนไทยตอนนี้คือ มุมมองต่อคุณค่าอาชีพ จนกลายเป็นการส่งผลต่อการมองถึงค่าของคนไปด้วยในตัว ด้วยความคิดเดิม ๆ ที่เราต่างคุ้นชินกันคือ คนเราติดภาพว่าหมอหรือครูเป็นอาชีพที่สำคัญและจำเป็น อย่างที่เรามักจะได้ยินพ่อแม่หรือผู้ใหญ่พูดกับเราเมื่อครั้งยังเด็กว่า ตั้งใจเรียนนะลูกโตมาจะได้เป็นหมอ จนกลายเป็นชุดความคิดที่ฝังอยู่ในสังคมไปโดยปริยายว่า หมอหรือครู เป็นอาชีพที่ใครต่างก็ใฝ่ฝัน
การตั้งมุมมองนี้ไม่ใช่การกล่าวหาว่า หมอและครูหรืออาชีพยอดนิยมที่พ่อแม่ฝากฝังนั้นไม่สำคัญ เพียงแต่ค่านิยมในสังคมต่างดูแคลนอาชีพอื่น ๆ มากเกินไปทั้งที่ความสำคัญก็ล้วนไม่แพ้กัน ซึ่งทุกอาชีพก็มีความรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง และอาจเป็นเพราะหมอมีส่วนรับผิดชอบกับความเป็นความตายและชีวิตผู้คน จึงถูกมองว่าสำคัญมารุ่นสู่รุ่น
การเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อความชอบและความถนัดหรือแม้กระทั่งความจำเป็นของการเป็นอาชีพเสียใหม่ จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับความสามารถของทุกคนได้รวมไปถึงมุมมองด้านความเป็นคนที่เท่าเทียมกันด้วย ยิ่งในยุคสมัยใหม่ความจำเป็นในด้านของความถนัดที่หลากหลายก่อกำเนิดอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายซึ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนสังคม
อย่างไรก็ตามเราทุกคนต่างเกื้อหนุนกันไม่ว่าในทางใดก็ทางหนึ่ง เปรียบสังคมของเราเป็นมือสักข้าง และอาชีพต่าง ๆ คือนิ้วมือ ก็อย่างที่เรารู้กันทุกนิ้วล้วนมีความสามารถความถนัดเล็กใหญ่สั้นยาวไม่เท่ากัน แต่หากขาดนิ้วใดนิ้วหนึ่งไปมือข้างนั้นคงจะทำอะไรได้สะดวกน้อยลง