หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ มูลค่ารวมกว่า 36,000 ล้านบาท จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น ล่าสุด กองทัพเรือยืนยันชัดเจนแล้วว่าจะยังคงเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวน (Yuan Class) S26T จากจีนต่อไป และมีกำหนดซื้อให้ครบ 3 ลำภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ โดยชี้แจงว่าจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมูลค่ากว่า 24 ล้านล้านบาท และเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพ
อย่างไรก็ตาม ไทยไม่ได้เพิ่งมีเรือดำน้ำเป็นครั้งแรก เพราะในอดีตไทยถือเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีเรือดำน้ำ ประกอบด้วย เรือหลวงมัจฉาณุ, เรือหลวงวิรุณ, เรือหลวงสินสมุทร และเรือหลวงพลายชุมพล
เรือดำน้ำที่จัดหามาทั้ง 4 ลำนั้น มาจากอู่ต่อเรือของญี่ปุ่น โดยเริ่มเข้าประจำการในปี พ.ศ.2481 ก่อนจะถูกปลดระวางในปีพ.ศ. 2494 หลังจากประจำการอยู่นานเกือบ 13 ปี
นอกจากไทยแล้ว ก็ยังมีประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอีก 4 ชาติ ที่มีเรือดำน้ำเพื่อเสริมขุมกำลังด้วยเช่นกัน โดยไล่ลำดับการเข้าประจำการของเรือดำน้ำ ดังนี้
สิงคโปร์
กองทัพเรือสิงคโปร์ มีเรือดำน้ำที่สั่งซื้อจากสวีเดนด้วยกัน 2 รุ่น รวม 4 ลำ ได้แก่ รุ่น Archer 2 ลำ , รุ่น Challenger 2 ลำ นอกจากนี้ ยังสั่งซื้อเรือดำน้ำจากเยอรมนีอีก 2 ลำด้วย โดยอยู่ระหว่างการต่อเรือ แต่ในสัญญาข้อตกลงระบุไว้ว่าจะส่งมอบเรือทั้งหมดภายในปี 2563
อินโดนีเซีย
กองทัพเรืออินโดนีเซีย เพิ่งสั่งซื้อเรือดำน้ำเพิ่มจากเกาหลีใต้ จำนวน 3 ลำ คือ รุ่น 209/1400 Chang Bogo ส่วนที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นเรือดำน้ำที่สั่งจากเยอรมนี 2 ลำ คือ รุ่น KRI Cakra (401) และ KRI Nenggala (402) แต่เตรียมปลดประจำการในปี 2563 เนื่องจากใช้งานมานานเกือบ 40 ปีแล้ว
มาเลเซีย
กองทัพเรือมาเลเซีย มีเรือดำน้ำชั้นสกอร์แปน (Scorpène-class) ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน 2 ลำ โดยสั่งซื้อจากฝรั่งเศสทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียเคยตกเป็นข่าวกรณีทุจริตในโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากฝรั่งเศส เป็นมูลค่ารวมกว่า 37,500 ล้านบาทด้วย ในสมัยที่นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
เวียดนาม
กองทัพเรือเวียดนาม มีเรือดำน้ำชั้นกิโล (Kilo Class) จากประเทศรัสเซีย มากถึง 6 ลำ มากที่สุดในอาเซียน แม้ว่าจะมีเรือดำน้ำหลังสุดก็ตาม โดยล่าสุด เพิ่งรับมอบเรือดำน้ำลำสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา จากข้อตกลงที่ทำไว้กับรัสเซีย ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2552
