AVENGERS: ENDGAME – บ๊ายบายก่อนนะเพื่อน

ถือเป็นเรื่องตลกร้ายเล็กๆ สำหรับนักเขียนบทความเชิงวิจารณ์ภาพยนตร์ เพราะเมื่อไหร่ที่หนังซูเปอร์ฮีโร่ตระกูล MARVEL ออกฉาย รีวิวก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ เพราะหากเขียนยาวก็อาจสปอยล์เนื้อหาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว โดยเฉพาะภาคจบของมหากาพย์สงครามฮีโร่ VS วายร้ายต่างดาวเรื่องล่าสุด ที่ผู้เขียนเองไม่แน่ใจนักว่าจะเขียนถึงอย่างไรดีไม่ให้คนอ่านบ่นว่า “นี่มันสปอยล์หนังชัดๆ”

เอาเป็นว่าไหนๆ ก็ไหนๆ บทความนี้ขอไม่พูดถึงเนื้อเรื่องของ ENDGAME แล้วกันเพราะแฟนๆ คงเดาเนื้อเรื่องได้อยู่แล้ว (ไม่ได้ขี้เกียจนะ ฮาๆ) แต่จะเล่าเชิงบันทึกการเดินทางของผู้เขียนกับจักรวาลหนังฮีโร่ MARVEL CINEMATIC UNIVERSE ที่ออกฉายทั้งหมดก็แล้วกัน แล้วค่อยมาจบที่ ENDGAME อีกที

ตั้งแต่วันที่ MARVEL ปล่อยหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่พวกเขาสร้างเองอย่าง IRON MAN ออกฉายเมื่อปี 2008 ผู้เขียนยังจำวันที่ยืนดูโปสเตอร์ฮีโร่เกราะเหล็กหน้าโรงภาพยนตร์ได้ไม่ลืม ครานั้นผู้เขียนแอบหัวเราะกับ design ภาพที่เชยสะบัดสิ้นดี พลางปรามาสว่าหนังเจ๊งแน่นอน แถมไม่คิดสนใจดูด้วยจึงไม่ได้ตีตั๋วอุดหนุนเป็นลูกค้า กระทั่งออกเป็นแผ่น VCD (เด็กรุ่นนี้ยังรู้จักไหมนะ) จึงเช่ามาดูที่บ้าน ปรากฏว่าโดนคุณ โทนี่ สตาร์ค ตบหน้าเข้าอย่างจังเพราะหนังสนุกและบันเทิงมาก สมกับที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลก

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้เขียนรวมถึงแฟนคลับฮีโร่ค่าย MARVEL ทั่วทุกมุมโลก ต้องติดตามชมชีวิตของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่พวกเขาสร้างขึ้นตัวแล้วตัวเล่าอย่าง CAPTAIN AMERICA, THOR, HULK, BLACK WIDOW, HALKEYE, ANT-MAN, GUARDIANS OF THE GALAXY, DR.STRANGE, SPIDER-MAN, BLACK PANTHER, CAPTAIN MARVEL โดยมีอีเวนต์รวมพลฮีโร่ที่ชื่อ AVENGERS ภาคต่างๆ สอดแทรกใน timeline เป็นระยะ – เมื่อรู้สึกตัวอีกที เราก็ผูกพันกับตัวละครเหล่านี้ไปแล้ว

ขณะเดียวกัน MARVEL ก็ยกสถานะตัวเองจากค่ายหนังสือการ์ตูนชื่อดัง มาเป็นอาณาจักรหนังฮีโร่ระดับ 1,000 ล้าน ด้วยเม็ดเงินความสำเร็จที่ได้มาอย่างเป็นกอบเป็นกำ ฮีโร่ทุกตัวจากหนังสือการ์ตูน ทยอยออกวาดลวดลายบนจอหนังจนเป็นขวัญใจแฟนๆ นักแสดงมากมายต่างอยากร่วมงานกับ MARVEL ทั้งนักแสดงวัยรุ่นหรือนักแสดงดีกรีรางวัลออสการ์ และยังมีแผนสร้างหนังฮีโร่แบบไม่หยุดหย่อน ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง DC ที่เพิ่งเริ่มออกสตาร์ทแบบสวยๆ แบบห่างไกลหลายแสนไมล์

เอาจริงหนังฮีโร่ของ MARVEL ไม่ได้ยิงหมัดโดนใจผู้ชมเสียทุกเรื่อง THOR ภาค 2 โดนนักวิจารณ์สับเละ, แก๊งป่วนจักรวาล GOTG ก็ดร็อปลงไปในภาค Vol.2 (ผู้เขียนเพิ่งดูก่อน ENDGAME เข้าโรงแค่ 1 วัน และคิดว่าไม่สนุกเลย), DR.STRANGE พล็อตมีปัญหาแต่ได้ visual ช่วยอุ้มไว้, CAPTAIN AMERICA ยังมัดใจแฟนๆไม่อยู่ – ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางเรื่องเราก็ไม่อยากดู แต่สุดท้ายก็ต้องดูเพราะหนังทุกเรื่องถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ดังนั้นหากคุณพลาดไปสักเรื่อง เวลาดู AVENGERS ก็จะงงว่าไอ้คนนี้-ยัยคนนั้น คือใครวะ มาได้ไง

ดังนั้น ENDGAME จึงเปรียบเสมือนภาพยนตร์ที่ MARVEL สร้างขึ้นเพื่อขอบคุณแฟนคลับทั่วโลกที่ติดตามชมหนังของพวกเขามาตลอด 11 ปี 21 เรื่อง และด้วยความที่มันเป็นภาคสุดท้ายก่อนเริ่มต้นสู่ PHASE ใหม่ ทีมงานของ MARVEL ทุกภาคส่วนจึงตั้งใจสร้างสรรค์งานชิ้นนี้อย่างเต็มที่ แล้วมันก็กลายเป็นบทสรุปจบที่สวยงามทั้งในส่วนของเนื้อเรื่องที่ดี, การแสดงของกลุ่มตัวละครหลักที่ใส่กันหมดแม็กซ์ และมีซีนน่าประทับใจเกิดขึ้นมากมาย รวมถึง CG งดงามตระการตา ดูไม่ฟุ้งลอยเหมือนเรื่องอื่น (ฮา)

สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากคือการที่ ENDGAME ไม่ได้เปิดฉากด้วยระเบิดตูมตามเหมือน Infinity War แต่พาคนดูไปสำรวจ “อารมณ์และความรู้สึกครั้งสุดท้าย” ของฮีโร่แต่ละคน ตัวละครไหนที่มีปมในอดีตหรือความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมทีมก็ได้รับการแก้ไข สะสางปัญหาจนหมดสิ้น ก่อนจับมือกันสู้ศึกใหญ่สุดท้ายกับ THANOS วายร้ายตัวฉกาจที่บอกเลยว่าภาคนี้ดุดันและโหดสุด ยิ่งฉากต่อสู้ช่วงไคลแมกซ์ เวลา THANOS โชว์กระทืบฮีโร่ทีละคน ผู้เขียนถึงกับจิกเบาะลุ้นตัวโก่งแบบไม่เคยรู้สึกกับหนังแอ็คชั่นใดๆในช่วงหลัง

แม้จะรู้สึกตงิดนิดหน่อยในซีนสุดท้ายที่ตัวละครบางตัว มาปรากฏตัวพร้อมวิวัฒนาการบางอย่างแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็พอจะมองข้ามได้ ซึ่งที่สุดแล้ว ENDGAME ก็คือบทสั่งลาของ AVENGERS รุ่นแรกโดยสมบูรณ์ หากเป็นเครื่องบินที่ทะยานขึ้นฟ้ามา 11 ปี มันก็ลงจอดบนรันเวย์อย่างสวยงามประทับใจผู้ชมตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงฉากเครดิตรายชื่อนักแสดงที่ปรากฏขึ้นตอนท้ายอย่างสมเกียรติ พร้อมด้วยน้ำตาผสมเสียงสะอื้นไห้ของเหล่าแฟนคลับที่เดินออกจากโรงหนังอย่างมีความสุข…..

เรื่องราวของ AVENGERS รุ่นแรก สิ้นสุดลงตรงนี้ …… พักหายใจหายคอกันก่อน แล้วค่อยมาลุยกันต่อกับ AVENGERS รุ่นใหม่ในอนาคต (มันไม่จบง่ายๆ หรอก เงินทั้งนั้น 555)