ศิลปะแห่งการ “ใช้สายตาผสมสี”

ศิลปะเป็นศาสตร์ที่มีวิธีการสร้างงานแตกต่างกันไป แค่จิตรกรรม (Painting) อย่างเดียวก็ทำได้ไม่รู้กี่อย่าง แต่เราจะมาทำความรู้จักกับงานศิลปะที่ใช้สายตาของเราเองผสมสีกัน

นั่นคือ Neo Impressionism หรือ ลัทธิประทับใจใหม่ เกิดขึ้นหลัง Impressionism ที่นำโดยโมเนต์นั่นเอง แนวคิดของลัทธิ Neo Impressionism ไม่ต่างอะไรจากอิมเพรสชั่นมากนัก เพราะเป็นการเก็บความประทับใจในเหตุการณ์ชั่วขณะหนึ่งเหมือนกัน แต่ที่ต่างก็คือวิธีการ

ลัทธิประทับใจใหม่ มีจุดเด่นคือการ ใช้จุด ในการสร้างผลงาน ไม่ได้ระบายสีเหมือนการเพ้นท์ทั่วไป นั่นคือถ้าเราอยากให้ตรงไหนเป็นสีส้ม เราก็จุดสีเหลืองและแดงใกล้ๆ กัน เมื่อมองไกลๆ จะทำให้สายตาเห็นเป็นสีส้มนั้นเอง

การลงสีโดยใช้จุด หรือเรียกกันว่า Pointillism ลัทธิจุด ที่ใช้การจุดสีแบบหยาบๆ ใกล้ๆ กันเพื่อให้สายตาของผู้ชมผสมสีเองเมื่อมองไกลๆ เพราะฉะนั้นถ้าเรามองใกล้ๆ ก็จะเห็นเป็นจุดสีหยาบๆ นั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของลัทธจุดหรือ Neo Impressionism เลยก็ว่าได้

สิ่งที่ลัทธิประทับใจใหม่ให้กับวงการศิลปะ ก็คือวิธีการสร้างงานที่พยายามจะแตกต่าง ซึ่งตั้งแต่ยุคอิมเพรสชั่นเป็นต้นมา เราก็จะเห็นว่าศิลปินพยายามที่จะหาความต่าง หาสไตล์ของตัวเองกันทั้งสิ้น

จอร์จ เซอรา (Georges Pierre Seurat) ศิลปินชาวฝรั่งเศสก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากได้แรงบันดาลใจอย่างเต็มที่มาจาก โมเนต์ และ ปิซาโร ซึ่งเป็นศิลปินที่ทำผลงานแบบอิมเพรสชั่น ก็ได้ค้นหาวิธีการสร้างงานของตัวเองจนออกมาเป็นการใช้จุดสร้างสี และเกิดเป็นผลงานใหญ่ในที่สุด

A Sunday on La Grande Jatte (บ่ายวันอาทิตย์บนเกาะลากร็องด์ฌัต) ปี 1884-1886

หนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงของเซอรา ที่เมื่อเราพูดถึงลัทธิประทับใจใหม่จะต้องมีผลงานนี้เป็นตัวอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นผลงานสร้างด้วยจุดที่มีขนาดถึง 2 X 3 เมตรเลยทีเดียว

รูปที่เซอราชอบวาดมากที่สุดก็คือชีวิตความเป็นอยู่ ชีวิตประจำวัน ที่ถือเป็นจุดเด่นและจุดแข็งของ Impressionism เลย ไม่จำเป็นต้องวาดคนใหญ่คนโต ไม่ต้องวาดเรื่องศาสนาความเชื่อก็สามารถโด่งดังได้เหมือนกัน

ยังมีลัทธิทางศิลปะอีกเยอะที่คนรุ่นก่อนได้สร้างเอาไว้ แตกต่างกันที่รายละเอียดย่อยๆ แต่พอศึกษาไปแล้วจะรู้เลยว่า ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ความกล้าที่จะนอกกรอบนั่นแหละที่ทำให้วงการศิลปะเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว