ในห้วงเวลาที่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดไร้ซึ่งการสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ การนำภาพยนตร์ยุคเก่ากลับมารีเมคหรือสานต่อในภาคใหม่ คือ อีกหนึ่งกลวิธีที่พวกเขาใช้กัน โดยเฉพาะบรรดาหนังสยองขวัญแนวไล่เชือดที่เหล่าฆาตกรโหดถูกปลุกชีพกลับมาโลดแล่นอยู่เรื่อย ๆ จนล่าสุด ก็เป็นคิวของเจ้าฆาตกรหน้ากากขาวนามกระเดื่อง “ไมเคิล ไมเยอร์ส” ที่กลับมาพบกับคนดูอีกครั้งใน Halloween 2018
หนังเล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรกในปี 1978 (ใครที่ดูภาคอื่นมา ขอให้ลืมไปซะเถอะ) เมื่อไมเคิล ไมเยอร์ส ฆาตกรโหดถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำมาเป็นเวลานาน วันหนึ่งมีเหตุให้ถูกเคลื่อนย้ายไปจองจำอีกแห่ง ปรากฏว่า สัญชาตญาณนักฆ่าที่มีอยู่ในตัวถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ผสมกับความแค้นที่พี่สาว ลอรี่ สโตรด (คุณป้าเจมี่ ลี เคอร์ติส เจ้าเก่า) รอดพ้นน้ำมือตัวเองไปได้ จึงอาละวาดหนีออกมา เพื่อบุกไปปลิดชีวิตพี่สาวอีกครั้ง ส่วนฝั่ง ลอรี่ ที่ยังฝังใจกับการถูกน้องชายผู้วิปริตไล่ฆ่า ก็พร้อมต้อนรับเจ้า “บูกี้แมน” ครั้งนี้ ด้วยกระสุนปืนและมีด เพื่อยุติฝันร้ายที่หลอกหลอนตลอดชีวิตด้วยมือของตัวเอง
อ่านเรื่องย่อข้างต้น ดูเป็นหนังแอ็คชั่นมาก (ฮา) แต่ Halloween ภาคนี้ของ เดวิด กอร์ดอน กรีน ผกก.มือเก๋า กลับมาพร้อมกับกลิ่นอายเดิม แบบคารวะหนังต้นฉบับ ด้วยการดึงบรรยากาศสยองขวัญอันลึกลับดำมืดมาสู่หนังเรื่องนี้ หลังจากออกทะเลไปไกล และทำให้งานฉลองคืนฮัลโลวีนแห่งความสุขที่มีผู้คนออกมาเดินในตัวเมืองมากมาย กลายเป็นคืนสยอง เพราะดีไม่ดีเดินอยู่มีสิทธิถูก ไมเคิล ไมเยอร์ส กระซวกดับได้ทุกเมื่อ
นั่นจึงทำให้ Halloween ภาค 2018 ได้รับการต้อนรับจากแฟน ๆ รุ่นเก๋าเป็นอย่างดี ทั้งในแง่รายรับและเสียงวิจารณ์ คำชื่นชม ที่ยกนิ้วว่า ความสยองขวัญแบบคลาสสิกกลับมาอีกครั้ง ขณะที่ตัวผู้เขียนเอง ก็ยังชื่นชอบพอใจ แม้จะรู้สึกว่า หนังมันเชยสะบัดสิ้นดี เคยดู ไมเคิล เมเยอร์ส ไล่แทงคอหอยชาวบ้านยังไง มาถึงยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ก็ยังเป็นแบบนั้น ฆาตกรถือมีดเดินทื่อ ๆ โดนยิงก็ไม่ตาย เทียบกับหนังสยองขวัญยุคปัจจุบัน ที่เขามาแนวสปีด เร็วกว่านรก และดูมีอะไรให้จับต้องมากกว่า
ใด ๆ นั้นเอง ผู้เขียนก็ไม่รู้สึกรังเกียจความเชยเหล่านั้น เพราะตั้งใจอยู่แล้วว่า อยากเข้าไปเจอฆาตกรหน้ากากขาวที่เคยทำให้ผู้เขียนเคยกลัวตอนเด็ก ๆ จนไม่กล้าปิดไฟนอนตอนอยู่คนเดียว เวลาเปิดตู้เสื้อผ้าก็ต้องค่อย ๆ แง้มดูว่า มันแอบอยู่ข้างหลังไหม ? เรียกว่า ไมเคิล ไมเยอร์ส เป็นตัวละครที่เรากลัวที่สุดในหมู่หนังฆาตกรไล่เชือดต่าง ๆ หรือเพราะอีกอย่างก่อนดู เราไม่ได้คาดหวังกับมันมากนัก จึงเอ็นจอยกันไปตลอด 1 ชั่วโมง 40 นาที
อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่ผู้เขียนชอบ คือ การดึง จูดี เกรียร์ นักแสดงหญิงมากฝีมือมาร่วมแสดงในบท คาเรน สโตรด ลูกสาวของ ลอรี่ ที่ถูกแม่เลี้ยงดูมาอย่างทรหด ทั้งฝึกการใช้ปืน, ทำกับดัก, เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดจากผู้เป็นแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อต่อสู้กับ ไมเคิล ไมเยอร์ส ที่อาจบุกมาหาพวกเธอได้ในอนาคต ก่อนทนไม่ไหวหนีออกมาใช้ชีวิต สร้างครอบครัวใหม่ เพราะคิดว่าแม่เป็นโรคประสาท อันนี้ประเด็นถือว่า น่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่หนังให้เวลากับมันน้อยไป ถ้าหากมีภาคต่อ (ดูทรงว่ามีแหง รายได้ดีขนาดนี้) ก็อยากให้เธอมีบทมากขึ้น หรือถูกดันขึ้นมาเป็นตัวหลักไปเลยคงน่าสนใจดี
Halloween ภาคนี้ อาจไม่โดนใจคอหนังสยองขวัญวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ที่ชินกับฆาตกรหรือปีศาจที่ไล่ล่าตัวละครด้วยความเร็วสูง หรือเนื้อเรื่องเชย ๆ ทื่อมะลื่อ สู้หนังยุคใหม่ที่มีปมแนวไสยศาสตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ ศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธา นรก สวรรค์ ซาตาน ฯลฯ แต่กับแฟนคลับพี่ฆาตกร ไมเคิล ไมเยอร์ส ที่ผิดหวังกับภาคต่อที่แสนเละเทะตุ้มเป๊ะในยุคหลัง นี่คือ หนังสำหรับพวกคุณครับ เปรียบดั่งเหล้าเก่าที่ใส่ขวดใหม่ แล้วยังดื่มได้อร่อย แม้รสชาติ จะไม่เข้มข้นเหมือนเดิม