คุณจะสุข ถ้าเห็นว่างานคือธรรมะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เชื่อว่าหน้าฟีดเฟซบุ๊คของหลายคนคงได้เห็นข่าว คุณยายวัย 84 ปีที่ขายขนมอยู่แถวสำนักงานเขตพระโขนง เป็นการทำงานของคุณในวัยที่หลายคนคิดว่าควรจะอยู่กับบ้านเพื่อพักผ่อนมากกว่าออกมาทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่คุณยายให้เหตุผลว่า ออกมาทำมาหากินดีกว่าจะไปขอใครกิน

ดูเหมือนว่าคุณยายจะมีความสุขกับการทำมาหากินของตนเองอยู่ไม่น้อย ทำให้ผู้เขียนนึกถึงบทความที่เพิ่งอ่านไปกับการกำหนดอายุที่ควรจะเกษียณตัวเองจากการทำงาน ที่มีตั้งแต่  50 – 60 และ 70 ซึ่งบทความดังกล่าวระบุไว้ว่าแต่ละวัยที่เกษียณมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

แต่ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะเกษียณจากงานประจำมาแล้ว  ทุกคนยังคงต้องทำงานเพื่อให้รู้สึกว่าชีวิตของตนเองมีค่า แม้ว่างานที่ทำนั้นจะไม่ได้มีเป้าหมายยิ่งใหญ่เหมือนวัยหนุ่มสาว แต่การได้ทำงานจะทำให้คนที่เกษียณมีความสุขกับการได้ควบคุมชีวิตของตนเองมากขึ้น

แม้ว่าคุณยายวัย 84 จะต้องเข็นรถออกมาขายขนมด้วยตนเองเพียงลำพังตามเนื้อข่าว แต่คุณยายก็บอกเองว่า “รู้สึกดีที่ไม่ต้องไปขอใครกิน”แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในตนเอง และรู้สึกว่าการทำงานของตนเองมีค่า เพราะสามารถนำเอาผลกำไรไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพได้

คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ เคยพูดถึงเรื่องการทำงานเอาไว้ว่า

“การทำการงานนั้นก็คือการประพฤติธรรมคำว่า ธรรม หรือ ธรรมะ หมายถึงหน้าที่ที่คนจะต้องทำทีนี้ปัญหาทั่วประเทศก็คือว่ามีแต่คนทำงานอย่างเสียไม่ได้ เพื่อเอาเปรียบ ทำเล็กน้อยก็เรียกร้องประโยชน์มาก อย่างนี้ก็จะเกิดปัญหาเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด…เพราะมันไม่สนุกกับการทำงาน ไม่เห็นว่าการทำงานคือการประพฤติธรรม

“ฉะนั้นขอให้ไปศึกษากันเสียใหม่ ว่า การงานนั้นมันคือการประพฤติธรรม แม้แต่จะทำนา ต้องฝึกฝนให้มีสติปัญญา ให้มีความพากเพียร ให้มีความอดทน ให้มีความสามัคคี ให้รู้จักประหยัดเหล่านี้เป็นธรรมะทั้งนั้น…………”

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เรื่องราวของคุณยาย และ ธรรมะของท่านพุทธทาสฯ ทำให้คุณผู้อ่านมีความสุขกับการทำงาน และถึงแม้ว่าเราอาจจะเจอเรื่องราวที่ไม่ชอบใจนัก จากการทำงาน ก็ขอให้มองว่ามันคือ ธรรมะ หรือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ไม่จำเป็นต้องใส่อารมณ์ของตนเองลงไป เพราะการทำงานอย่างมืออาชีพนั้น มีวิธีคิดไม่ต่างไปจากวิธีคิดของคุณยายขายขนมวัย 84 ปี หรือ วิธีคิดจากธรรมะที่ท่านพุทธทาสได้สอนเอาไว้เลย

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ