ใครๆก็บอกว่าอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง หรือจะไปสิงค์โปร์…แต่เราขอมาแปลกหน่อย เพราะวันน้ี Tonkit360 จะมาแนะนำเกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 4 เกม ในวันปิดฤดูกาลช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่คุณน่าจะลองไปชมสักครั้ง เพราะการไปชมเกมฟุตบอลนั้น นอกจากจะเป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมแล้ว การไปชมเกมบางสนามนั้น ก็จะมีกิจกรรมสนุกๆ ที่น่าสนใจซึ่งสามารถทำได้หลังจากชมเกมเสร็จด้วยนะ แถมช่วงเดือนพฤษภาคมนั้น ปกติแล้วอากาศก็กำลังดีขึ้น มีแดดออก (พอเหมาะ) เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเหมาะกับการเดินทางของเราๆชาวไทยเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องไปทนหนาวกัน! อย่าลืมนะว่า ทุกเกมที่แข่งกันในวันสุดท้าย จะแข่งกันในเวลาบ่าย 3 ตามเวลาอังกฤษ
ส่วนเรื่องการซื้อตั๋วนั้น อาจจะต้องตรวจสอบอีกที แต่ทีมที่เราเลือกมานั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีตั๋วเหลือไม่มากก็น้อย Tonkit360 ก็ขอแนะนำให้เข้าไปสมัครสมาชิกของสโมสร (สมัครฟรี) และเข้าไปซื้อผ่านทางสโมสรโดยตรงเพื่อความชัวร์ว่าตั๋วเป็นของจริง และไม่โดนโก่งราคามา ทีนี้ มาดูกันเลยว่า มีทีมไหนบ้างที่น่าแวะไปชมเกมกันบ้าง
สเปอร์ส
เพราะอะไร: สำหรับการเป็นแฟนฟุตบอลนั้น คงไม่มีใครไม่อยากไปชมเกมที่ “สังเวียนแห่งลูกหนัง” อย่างสนามเวมบลีย์แห่งนี้หรอกนะ โดยเฉพาะนี่จะเป็นเกมสุดท้ายของสเปอร์สในการมาใช้สนามเวมบลีย์แบบชั่วคราว ก่อนจะย้ายกลับไปสนามใหม่ของพวกเขาด้วย เรื่องตั๋วการแข่งขันนั้นก็ถือว่าหาไม่ค่อยยาก เพราะเวมบลีย์เป็นสนามที่ใหญ่มาก ซึ่งตั๋วมักจะเหลืออยู่ตลอด แต่ด้วยคุณภาพของทีมสเปอร์สในปีนี้ ตัวเลือกการไปชมเกมของสเปอร์สเองก็ถือว่าเหมาะสมดี เพราะนอกจากจะได้ดูทีมใหญ่ ได้ไปเวมบลีย์แล้ว เราก็ค่อนข้างชัวร์ว่าจะได้ดูฟุตบอลที่มีคุณภาพพอสมควร
ข้อดีอีกข้อ คือเนื่องจากสนามไม่ค่อยเต็ม การเดินทางไปสนามนั้นก็จะสะดวกขึ้นในระดับหนึ่ง เพราะจำนวนแฟนบอลจะไม่เยอะเท่าเกมทีมชาตอังกฤษ แว่วๆมาว่า ถ้าใครจะไปชมเกมทีมชาติอังกฤษและอยากกลับโดยไม่ต้องมาเบียดบนรถไฟเนี่ย ต้องออกจากสนามก่อนเกมจบถึงครึ่งชั่วโมงเลย แต่ถ้าไปดูสเปอร์ส จะออกจากสนามตอนเกมจบ ก็ยังพอทนไหวอยู่ และที่สำคัญคืออากาศจะไม่หนาวมาก และยังไม่มึดค่ำในช่วงเวลาเกมจบด้วย
ไปทำอะไรได้อีก: ก็อยู่ลอนดอนทั้งที มีที่เที่ยวมากมายแน่นอน สำหรับใครที่ไม่เคยไปลอนดอนนั้น เราคงต้องขอแนะนำสถานที่ต่างๆ เช่นไปกินข้าวกันที่ร้าน Four Seasons ที่เลื่องลือ (สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป) และร้านเบอเกอร์ แอนด์ ลอบสเตอร์ หรือถ้าใครชอบละครเพลง เราก็ขอแนะนำละครเพลงอย่าง Wicked หรือ Les Miserables ไว้เป็นหลักๆ รวมไปถึง Lion King ด้วยนะ (อันนี้ห้ามพลาด) อย่างไรก็ตาม รอบๆสนามเวมบลีย์นั้นจะไม่ค่อยมีอะไรมาก เพราะฉะนั้นเราจะขอแนะนำให้เดินทางกลับเข้ามาในตัวเมืองดีกว่า แต่ถ้าใครอยากจะไปทัวร์สนาม ก็สามารถกลับไปที่เวมบลีย์ได้ในวันถัดๆไป เพราะเขาจะมีทัวร์สนามกันทุกๆวันอยู่แล้ว
ส่วนถ้าใครยังอยากอยู่ในบรรยากาศของทีม “สเปอร์ส” ก็สามารถจะแวะไปที่จุดที่สนามยังก่อสร้างอยู่ อย่าง White Hart Lane ได้ โดนขึ้นรถไฟสาย Overground ไป โดยจะสามารถขึ้นรถไฟสายนี้ได้จากสถานี Liverpool Street สถานีรถไฟใหญ่อีกที่ของลอนดอน ซึ่งจะมีสายรถไฟใต้ดินผ่านเยอะมาก โดยเฉพาะ Central Line และ District Line ที่คนส่วนใหญ่มักใช้กัน
การเดินทางไปสนามแข่ง: จากตัวเมืองลอนดอน แฟนบอลสามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย Metropolitan Line มุ่งหน้าสู่สนามเวมบลีย์ได้เลย โดยให้ลงที่ Wembley Park หรือถ้าลงที่ Wembley Central ก็ต้องเดินต่ออีกพอสมควร
เวสต์แฮม
เพราะอะไร: ก็เป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตนะ เพราะสนามของเวสต์แฮมเนี่ย แม้ว่าจะมีการประณามกันว่าเป็นสนามที่ไม่เหมาะกับการแข่งขันฟุตบอล แต่ถ้าไม่ได้ลองเข้าไปดูกันจริงๆ ก็จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้นะ เพราะสนามนั้น “ใหญ่” และดู “โล่ง” มาก โดยจากประสบการณ์ของคนที่เคยไปสนามมา ก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า สนามลอนดอน สเตเดี้ยมนั้นทั้งไม่เหมาะกับกีฬาฟุตบอลแล้ว ยังมีบรรยากาศเหมือน “สนามชั่วคราว” ด้วย เพราะมีการตกแต่งน้อย ยังดูไม่มีความเป็น “เวสต์แฮม” มากนัก แต่สิ่งที่พอจะสบายใจได้ คือตั๋วที่น่าจะหาง่ายอยู่ ส่วนเรื่องคุณภาพของเกมการแข่ง…อันนี้ก็อาจจะต้องทำใจบ้างนะ
ไปทำอะไรได้อีก: ในแถบสนามของเวสต์แฮมอย่าง Stratford นั้น มีผับ บาร์ อยู่เยอะมาก ซึ่งมีอาหารราคากำลังดีอยู่พอสมควร ยิ่งถ้าใครเป็นแฟนกีฬาแล้ว ก็อาจจะลองไปเดินดูรอบๆพื้นที่ ที่เคยใช้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกต่างๆในปี 2012 ด้วย เช่นสนามแข่งจักรยาน แฮนด์บอล และ สังเวียนแข่งว่ายน้ำ ซึ่งจะอยู่ในบริเวณของสนามลอนดอน สเตเดี้ยมทั้งหมด ส่วนถ้าใครเป็นสายช็อป ข้างๆสนามก็จะมีห้างเวสต์ฟิลด์ (Westfield) ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ไปเลือกเดินดูของกันได้เลย หรือจะแวะกินอะไรก่อนเข้าสนามก็ได้นะ ร้านอาหารและศูนย์อาหารก็มีอาหารหลากชนิดให้เลือก (มีอาหารไทย ที่เชฟคนไทยทำด้วยนะจะบอกให้)
ถ้าหลังเกมไม่แน่ใจว่าจะไปเที่ยวต่อแถวไหนดี เราก็ขอแนะนำให้ขึ้นรถไฟสาย Elizabeth Line หรือ TfL Rail มุ่งหน้าไปที่ Liverpool Street (ป้ายเดียวเอง 7 นาทีเท่านั้น) ที่จะมีร้านอาหารดังๆเยอะ มีผับ บาร์น่านั่งอยู่มากมายให้เลือกกันแบบไม่หวาดไม่ไหวเลย โดย Tonkit360 จะขอแนะนำร้าน Pizza East และร้าน Blues Kitchen ไว้เป็นตัวเลือกกัน
การเดินทาง: การเดินทางมาสนามลอนดอน สเตเดี้ยมนั้นถือว่าง่าย เพราะสถานีอย่าง Stratford หรือ Stratford International นั้นมีสายรถไฟอยู่มากมาย ทั้งรถไฟใต้ดิน รถรางแบบ DLR รถไฟข้ามเมือง และจะมีสายรถไฟใหม่ชื่อ Elizabeth Line ที่เปิดทำการแล้วอีก เพราะฉะนั้นการเดินทางมาสนามนั้นถือว่าง่ายมาก มีตัวเลือกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะพักอยู่ที่ไหนเท่านั้น เมื่อมาถึงสถานีแล้ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกทาง ชี้ทางเดินไปสนามตลอดตั้งแต่หน้าสถานี ผ่านห้าง Westfield และออกไปที่สนาม ไม่มีทางหลงอย่างแน่นอน
เซาแธมป์ตัน
เพราะอะไร: แดนใต้ของอังกฤษก็ถือเป็นที่ ที่น่าไปพอสมควร เพราะเกมสุดท้ายนี้ อาจจะเป็นเกมชี้ชะตาของทีม “นักบุญ” ในการทำทีมของมาร์ค ฮิวจ์ ด้วยนะ บรรยากาศก็อาจจะสนุก และน่าลุ้นพอสมควร ยิ่งถ้าเซาแธมป์ตันหนีตกชั้นสำเร็จ ทั้งเมืองคงต้องฉลองกันเลยล่ะ หรือถ้าจะเอาฮาหน่อย เพราะเกมสุดท้ายเป็นเกมที่ต้องเจอกับแมนฯซิตี้ เซาแธมป์ตันจะไป “แจม” ปาร์ตี้ของแมนฯซิตี้หรือเปล่านะ อันนี้ก็ต้องมาดูกัน
ไปทำอะไรได้อีก: ถ้าจะมาเที่ยวแดนใต้ของอังกฤษในช่วงซัมเมอร์แบบนี้ เมืองอื่นๆรอบๆ เองก็น่าสนใจ โดยอาจจะวางแผนพักแรมที่เซาแธมป์ตันไว้ และเดินทางด้วยรถไฟไปเที่ยวเมืองรอบๆ เช่นเมืองวินเชสเตอร์ (ไปดูปราสาทวินเชสเตอร์) หรือจะไปเมืองท่าอย่างอีสต์บอร์น และไบรท์ตันก็ได้ (ถ้าไป ไบรท์ตัน จะแวะไปสนามเอเม็กซ์ ด้วยก็เหมาะสำหรับแฟนฟุตบอลเหมือนกันนะ) โดยทั้งสามเมืองนั้นจะอยู่ใกล้กับเซาแธมป์ตันมาก ซึ่งสามารถจะเดินทางไป-กลับ ได้ภายในวันเดียว หรือถ้าจะเที่ยวต่อในเมืองเซาแธมป์ตัน ก็ได้เหมือนกันนะ โดยมีจุดน่าเที่ยวคือพิพิธภัณฑ์ SeaCity ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ โดยจะมีเรื่องราวของเรือไททานิกที่ออกจากท่าเรือของเมืองด้วย ไปจนถึงงานแสดงของสโมสรเซาแธมป์ตันอีกเช่นกัน มีครบทุกรสสำหรับคนที่ชอบฟุตบอล หรือชอบเรื่องประวัติศาสตร์
การเดินทาง: หากเดินทางจากลอนดอน สามารถขึ้นรถไฟที่สถานี Waterloo มาที่ Southampton Central ได้เลย และเดินทางจากตรงนั้นไปที่สนามด้วยแท็กซี่ได้ หรือถ้าจะเข้าที่พักก่อน ก็ได้เช่นกัน ถ้าอยากจะเดินทางแบบไป-กลับในวันเดียว ก็ได้เช่นกัน เพราะรถไฟจาก Southampton Central ไปที่สถานี Waterloo ในลอนดอน นั้น มีการเดินรถไฟในวันเสาร์-อาทิตย์จนถึงเกือบ 5 ทุ่มกันเลย
นิวคาสเซิล
เพราะอะไร: ขยับจากแดนใต้ มาแดนเหนือ (เหนือมาก) กันบ้างกับเมืองที่คลั่งฟุตบอลอย่างนิวคาสเซิล จริงๆแล้วทีมอย่างนิวคาสเซิลก็ถือเป็นทีมที่น่าสนใจของเกาะอังกฤษเหมือนกันนะ แม้ว่าช่วงหลังผลงานจะไม่ค่อยดีก็ตาม โดยเกมสุดท้ายนั้น ก็คาดว่านิวคาสเซิลเองก็อาจจะยังต้องหนีตกชั้นอยู่ แต่ถึงเกมจะไม่มีความหมายแล้ว การมีโอกาสได้ไปเหยียบสนามอย่างเซนต์ เจมส์ พาร์ค สักครั้งก็เป็นประสบการณ์ที่ดีพอตัว อย่าลืมว่า นี่คือสังเวียนของแข้งระดับโลกหลายคนไม่ว่าจะเป็นอลัน เชียเรอร์ ไมเคิ่ล โอเว่น หรือเควิน คีแกน และ “แกซซ่า” หรือพอล แกสคอยน์ นั่นเอง ส่วนตั๋วนั้นก็ต้องลองเข้าไปดูทางเว็บของสโมสรที่ nufc.co.uk
ไปทำอะไรได้อีก: เมืองนิวคาสเซิลก็ถือเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองของอังกฤษเลยนะ ก็จะมีที่เที่ยวเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์อย่าง Discovery Museum หรือถ้าอยากจะไปเมืองอื่น ก็จะมีเมืองอย่างซันเดอร์แลนด์ มิดเดิลส์โบร และเดอร์แฮม (Durham) ที่จะมี ปราสาทเดอร์แฮม ที่น่าแวะไปชมเหมือนกัน นอกจากนี้ เมืองอย่าง สการ์โบโรเองก็น่าสนใจ เพราะมีทั้งปราสาท และโบสท์อย่าง Whitby Abbey ด้วย (เมือง Whitby จะอยู่ใกล้ๆกับสการ์โบโร) เราขอแนะนำว่าให้นอนค้างคืนประมาณ 2-3 วัน เพื่อจะได้ไปเที่ยวในเมืองรอบๆด้วย
การเดินทาง: เนื่องจากว่านิวคาสเซิลนั้นค่อนข้างจะไกลจากลอนดอน เราจึงขอแนะนำให้ลองหาช่องทางในการบินไปลงที่สนามบินนิวคาสเซิลเลย หรือจะเลือกบินจากกรุงเทพ ไปลงที่เมืองแมนเชสเตอร์ และนั่งรถไฟต่อ ก็ได้เหมือนกัน (ตรงนี้จะลดระยะการนั่งรถไฟไป)
ถ้าอยากจะใช้รถไฟาจากลอนดอน ก็สามารถขึ้นรถไฟสายที่จะไปเมือง เอดินบะระ (Edinburgh) ได้จากสถานี London King’s Cross โดยจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ถ้าไปกันเป็นกลุ่ม ก็สนุกไปอีกแบบ นั่งกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจะไปชมเกม ก็อาจจะต้องออกเดินทางกันเช้าหน่อยเพื่อให้ไปชมเกมทัน
เอาล่ะ นี่ก็ถือ 4 สนามในพรีเมียร์ลีกที่คุณควรจะลองไปสัมผัส ไปชมเกมนัดสุดท้ายกัน หรือถ้าใครคิดว่ามีสนามไหนน่าแวะไปอีก ก็อย่าลืมส่งความคิดเห็นเข้ามากันล่ะ