ต้องให้ถึงมือชาวโซเชียล! สาธารณสุขถอย ยอมปลดล็อคคำสั่งห้ามหมอชาร์จแบตฯมือถือ

กลายเป็นกระแสลุกลามใหญ่โตในโลกโซเชียล หลังมีการเผยแพร่ หนังสือจากกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ โดยมีใจความระบุในทำนองว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข อยากแสดงออกถึงความสุจริตในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาแก่ประชาชน โดยได้แนบมาตรการป้องกันการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติหลายข้อ ทั้งห้ามนำวัสดุ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ ไปใช้ในส่วนตัว ห้ามใช้รถของทางราชการถในธุระส่วนตัว ห้ามนำรถส่วนตัวมาจอดค้างคืนในสถานที่ราชการ ห้ามล้างรถในสถานที่ราชการ แต่ประเด็นที่ทำเอาชาวโซเชียลลุกฮือ เห็นจะเป็นการห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่นำโทรศัพท์มือถือส่วนตัวมาชาร์จไฟในสถานที่ราชการ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางวินัยและได้รับโทษทางวินัย

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ drama-addict

หากมองกันอย่างผิวเผิน คำสั่งดังกล่าวไม่น่าจะสร้างประเด็นต่อต้านได้มากมายจนเป็นปรากฎการณ์ แต่ในความเป็นจริงของโลกยุคปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือคือเครื่องมือสื่อสารที่ฉับไวและสะดวกที่สุด ซึ่งเซเลปออนไลน์อย่าง “จ่าพิชิต” จากเพจdrama-addict ก็ร่วมแจมในประเด็นนี้ว่า “ข้ออื่นพอเข้าใจ แต่ข้อสองนี่ อยากให้รู้ว่าทุกวันนี้หมอพยาบาลต้องใช้มือถือในการทำงานเยอะมาก เช่น ใช้มือถือเปิดแอปเช็คข้อมูลยา ใช้บันทึกข้อมูลคนไข้ผ่าน hosXP hosOS ใช้ส่งไลน์ปรึกษาเคสกับสตาฟหรือส่งภาพ xray CT ekg บลาๆ ให้อาจารยแพทย์ดูเพื่อขอคำปรึกษา การเอามือถือมาชาร์จไฟใน รพ นี่เป็นอะไรที่จำเป็นมาก และเอื้อต่อความสะดวกในการบริการให้ประชาชน ถ้าห้ามเอามือถือมาชาร์จในโรงพยาบาลกรุณาตอบคำถามด้วยว่าถ้าแบตหมดแล้วจะให้ทำไงต่อ”

นอกจากจ่าพิชิตแล้ว ยังมีการคำนวนค่าไฟต่อการชาร์จโทรศัพท์ของแพทย์จากเพจขี่ช้างจับข้อมูล ว่า การชาร์จแบตเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เงิน 4.5 สตางค์ หรือ เงิน 1 บาท สามารถชาร์จแบตของคน 1 คนได้ทั้งเดือน ซึ่งการใช้โทรศัพท์ของแพทย์และพยาบาลเพื่อความรวดเร็วย่อมเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลของรัฐ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ ขี่ช้างจับข้อมูล

จากข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ผู้คนในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งของกระทรวงสาธารณสุขอย่างหนัก โดยมีการเปรียบเทียบการใช้เงินของรัฐกับสิ่งอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นหรือจำเป็นน้อยกว่า และการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการออกข้อปฏิบัติแบบที่ไม่เข้าใจและไม่เห็นใจการทำงานของแพทย์พยาบาล เพราะหลายครั้งที่ทางแพทย์และพยาบาลต่างก็ต้องใช้ของส่วนตัวเพื่อทำให้การทำงานสะดวกราบรื่นมากขึ้น เช่น การใช้รถส่วนตัวในการไปเยี่ยมผู้ป่วย หรือออกตรวจ กรณีแพทย์ที่ทำงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)

แม้ท้ายที่สุดกระทรวงสาธารณสุขจะออกมากลับลำออกหนังสือทบทวนข้อบังคับดังกล่าว ก่อนประกาศยกเลิก โดยให้เหตุผลในทำนองว่า “เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการปฏิบัตของเจ้าหน้าที่” แต่ปรากฏการณ์ในครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแต่ละหน่วยงานได้ทบทวนและพิจารณาตัวเอง ว่าเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงานจริงๆ มากน้อยแค่ไหน หรือเพียงแค่นั่งในห้องกระจกติดแอร์ พร้อมออกคำสั่งที่ไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งต่อแพทย์ พยาบาล รวมถึงประชาชนเข้าอย่างจัง