101 แมนฯยูไนเต็ด (23): ความคล้ายที่น่าแปลก ของ “ผีแดง” และ “แข้งเทพ”

ถ้าใครจำได้ ผมเคยได้เล่าไปบ้างแล้วว่า แมนฯยูนั้นมีส่วนคล้าย (ฟังแล้วอาจจะดูแปลกๆ) กับสโมสรชั้นนำของเมืองไทยอย่างแบ็งค็อก ยูไนเต็ด ในเรื่องของการที่ว่า ไม่ใช่สโมสรจากเมืองที่อยู่ในชื่อ เพราะสถานที่ของสนามแข่งนั้นอยู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งวันนี้ บอกเลยว่าใครเป็นสาวก “บียู” หรือบอลไทย และชอบ “ผีแดง” ด้วย ไม่ควรพลาด เพราะผมจะนำเรื่องราวของทั้งสองทีมมาเปรียบเทียบกัน แต่ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ส่วนตัวไม่ใช่แฟนบอล “บียู” นะครับ

สนามแข่ง (ที่อยู่นอกเมือง)

สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด (ภาพจาก tonkit360.com)

แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น มีส่วนคล้ายกันคือเรื่องที่ว่าทั้งสองสโมสรนั้น อาจจะไม่ใช่ทีมจาก กรุงเทพ หรือ แมนเชสเตอร์ก็ได้ เพราะสนามอย่าง “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” นั้น ตามจริงแล้วตั้งอยู่ในเมืองอย่าง “แทรฟฟอร์ด” ซึ่งเป็นเมืองย่อยออกมาจากมณฑล “เกรเธอร์ แมนเชสเตอร์”

สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต (ภาพจาก Wikimedia Commons)

ส่วนแบงค็อก ยูไนเต็ด สนามของพวกเขาอย่าง “สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต” นั้นก็ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งถือว่าอยู่นอกกรุงเทพครับ มาแบบนี้ เราก็เรียกกันไม่ถูกนะว่า จะให้เป็นทีมจากเมืองไหนดี (แต่อย่างที่เคยบอกครับ เรียกๆไปเถอะว่ามาจาก แมนเชสเตอร์ และ กรุงเทพ)

ย้ายสนามมาเหมือนกัน

สนาม “นอร์ธ โร้ด” (ภาพจาก Wikimedia Commons)

อีกเรื่องที่น่าแปลกใจ คือการที่ทั้งสองสโมสรเคยมีการย้ายสนาม โดยเฉพาะทาง “ผีแดง” ที่เคยย้ายสนามแล้วสองครั้ง โดยผีแดง ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1878 ด้วยชื่ออย่าง Newton Heath Lancashire and Yorkshire Railway Football and Cricket Club (ชื่อยาวมากๆ แต่จำไว้ก็ดีนะครับ เป็นเกร็ดไว้) ซึ่งเมื่อก่อนพวกเขาจะเล่นที่สนาม “นอร์ธ โร้ด” ในพื้นที่อย่าง นิวตัน ฮีธ ที่ถือว่าอยู่ในตัว “เมืองแมนเชสเตอร์” นั่นเอง และในปี 1902 จึงมีการสั่งย้ายสนามไปเล่นที่ Bank Street (ปัจจุบันกลายเป็นลานจอดรถใกล้ๆสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม) ก่อนจะย้ายมาที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 1910

สนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ภาพจาก tonkit360.com)

“แข้งเทพ” เองก็ไม่น้อยหน้านะครับ เพราะพวกเขาก็เคยเล่นที่ “สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง” ซึ่งอยู่ในตัวเมืองกรุงเทพมาก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปเล่นที่ “สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต” เมื่อปีที่แล้ว เพื่อเตรียมตัวเล่นฟุตบอลระดับเอเชีย เนื่องจากสนามใหม่แห่งนี้ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียหรือ “เอเอฟซี” นั่นเอง

เสื้อแข่งที่มีสีคล้ายกัน

ภาพทีม “นิวตัน ฮีธ” ที่ใส่เสื้อสีเขียว สลับทอง (ภาพจาก Wikimedia Commons)
ภาพจาก FB: Bangkok United FC

เรื่องเสื้อแข่งนั้น ผมคาดว่าหลายๆคนน่าจะพอทราบว่าทั้งสองทีมนั้นใส่สีแดงเหมือนกัน แต่ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น คือการที่สีเสื้อเก่าของทั้งสองทีมนั้นก็เป็นสีเขียวเหมือนกันอีก! ใช่ครับ เมื่อก่อนที่พลพรรค “ผีแดง” จะใส่เสื้อสีแดงที่น่าเกรงขาม พวกเขาต้องใส่เสื้อสี เขียว-ทอง เราจึงมักจะเห็นแฟนๆรอบสนามบางคน ที่ใส่ผ้าพันคอสีนี้ เพราะถือเป็นสีเสื้อรุ่นแรกของทีม

ส่วนแบงค็อก ยูไนเต็ดเองก็ใส่สีเขียวอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะมีการดีไซน์ใหม่ มาเป็นสีแดง-ดำเหมือนกับ “ผีแดง” คงเป็นความบังเอิญมากกว่านะ

งบเยอะ แต่ยัง​ “ว่าว” แชมป์ลีก​

ส่วนเรื่องความสำเร็จนั้น พูดกันตรงๆเลยว่าช่วงหลัง (ไม่นับปีที่แล้ว) ผีแดงนั้นไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก เพราะก็เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่ไม่ได้ครองแชมป์ลีก หรือจบอันดับในท็อป 3 แต่ยังดีที่มีรางวัลถ้วยแชมป์ เช่น เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ กับ ยูโรปา ลีกมาปลอบใจ แต่อย่าได้เสียใจไปครับ เพราะผมเชื่อว่าอีกไม่นาน “ผีแดง” ก็จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษได้ ต้องเชื่อมือของ “เฮียมู”

ทางด้านบียูเองก็ถือว่าเป็นทีมที่มีงบเยอะครับ สังเกตได้จากการดึงนักเตะอย่างปกเกล้า อนันต์ เป็นต้น แต่ถึงจะมีงบ พวกเขาก็ยังเข้าไม่ถึงแชมป์ไทยลีก หรือแชมป์บอลถ้วยต่างๆสักที ถือว่าน่าเสียดายพอตัว เพราะคงมีแฟนบอลบางคนเบื่อกับการสลับกันครองแชมป์ของ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” กับ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” เต็มทีแล้วล่ะ ยกเว้นสาวก “กิเลน” กับ “ปราสาทสายฟ้า” นะครับ

ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งตอนสำหรับ “101 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ” แมนฯยูไนเต็ด ส่วนในอาทิตย์หน้าเราจะมีเรื่องอะไรมาฝากกัน อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ

“101 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ” แมนฯยูไนเต็ด คือ เรื่องที่เจาะลึกของสโมสร “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่เคยร่วมงานกับสโมสรแห่งนี้เป็นเวลากว่าปีครึ่ง โดยนำเสนอเป็นประจำทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ไปจนกว่าจะครบ 101 เรื่อง

ส่วนใครที่พลาดตอนอื่นๆของ “101 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ” แมนฯยูไนเต็ดไป สามารถเข้าไปย้อนอ่านกันได้ที่ https://tonkit360.com/tag/101-เรื่องลึกไม่ลับ