ในขณะที่ ทาคาอากิ นาคากามิ ได้รับโอกาสในโมโตจีพี 7 ฤดูกาลเต็ม น่าเสียดายที่ สมเกียรติ จันทรา ของเรา ได้รับโอกาสแค่ 1 ซีซัน ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก HRC ยืนยันนักบิดไทยรหัส SC35 ขยับไปแข่งในเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ รุ่นใหญ่ WorldSBK 1,000 ซีซี สังกัดทีมโรงงานในปีหน้า
ผมเชื่อว่าแฟนความเร็วชาวไทยทุกคนพร้อมเอาใจเชียร์ “ก้อง” รวมถึงนักบิดไทยทุกคนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปลงแข่งรายการไหนในโลก และอยากให้มองว่ามันคืออีกหนึ่งเส้นทางและความท้าทายใหม่ของนักบิดไทย เพราะแม้จะเป็นการแข่งขันระดับ WorldSBK แต่ก็ยังมีงานหนักรออยู่ข้างหน้าเช่นกันครับ
สิ่งหนึ่งที่น่าเห็นใจแทนสมเกียรติในฤดูกาลนี้ นอกจากอาการบาดเจ็บที่รบกวนแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่สมรรถนะของรถแข่งฮอนด้าในโมโตจีพี ไม่ได้อยู่ในระดับท็อปเหมือนในช่วงปี 2018 ที่ “นาคากามิ” ขึ้นมาขี่ปีแรก เพราะช่วงนั้นเป็นยุคทองของ RC213-V และมาร์ก มาร์เกซ รวมถึงค่ายรถญี่ปุ่นก็เหนือกว่าค่ายยุโรป
ทว่ายุคนี้กลายเป็นช่วงที่ค่ายรถญี่ปุ่นต้องพัฒนารถเพื่อคัมแบ็กกลับมาอยู่แถวหน้าเทียบเท่าค่ายยุโรปให้ได้อีกครั้ง และการจะให้นักบิดรุกกี้ที่ไม่เคยผ่านชั่วโมงขี่โมโตจีพีมาเลยมาเป็นคนลองผิดลองถูกให้กับรถแข่งเวอร์ชันต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก ผมคิดว่านั่นคงเป็นเหตุผลที่ก้องไม่ได้รับโอกาสให้ไปต่อ
ผมมองว่าเป็นโอกาสดีที่สมเกียรติ จะโยนความกดดันทั้งหมดที่แบกไว้ และสนุกกับการขี่ในโมโตจีพี 5 สนามที่เหลือของฤดูกาลนี้ กลับมาขี่ด้วยรอยยื้มอันเป็นภาพจำของนักบิดรหัส SC35 อีกครั้ง เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด เก็บแต้มให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ปีหน้าจะขยับไปขี่รถโปรดักชั่นลงแข่งใน WorldSBK
พูดถึงนักบิดไทยใน WorldSBK การประกาศของ HRC ถือเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ ในฐานะนักแข่งชาวไทยคนแรกที่ได้ร่วมทีมโรงงานแบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก และเป็นคนไทยคนที่ 7 ที่จะได้ลงแข่งในรุ่นใหญ่ของเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ โดยจะขี่ร่วมกับทีมเมตชาวอังกฤษอย่าง เจค ดิกสัน ภายใต้รถแข่ง CBR1000RR-R
ก่อนหน้านี้หากนึกถึงเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ เราจะนึกถึงชื่อของ ฟิล์ม-รัฐภาคย์ ที่เคยลงแข่งในรุ่นรอง WorldSSP และเคยชนะที่บุรีรัมย์ รวมถึงเคยมีทีมแข่งโรงงานจากประเทศไทยอย่างยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่ส่งทีมแข่งคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ลงแข่งรุ่น WorldSSP 600 ซีซี แบบเต็มฤดูกาลมาแล้วถึง 2 ซีซันเต็ม ๆ และในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพ WSBK ก็มีนักบิดไวด์การ์ดรุ่น 600 ซีซี ลงสนามกันอย่างคึกคัก
ทว่าหากเป็นรุ่นใหญ่ ที่ยุคแรกเป็น 750 ซีซี มาจนถึงถึงยุค 1,000 ซีซี เราเคยมีนักบิดลงแข่งในรายการนี้มาแล้ว 6 คน เริ่มจากปี 1990 “พี่เบิร์ด” แสน เชยศักดิ์ เคยลงแข่งในสังกัด IRC Yamaha Thailand ที่สนาม ชาห์ อาลัม มาเลเซีย ร่วมกับ “พี่วัว” ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ ที่ขี่ให้ Kawasaki Thailand Racing Team ในยุคนั้น
จนมาถึงในยุคใหม่ของมอเตอร์สปอร์ตไทยที่เรามีสนามช้างฯ (BRIC) เป็นเจ้าภาพเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ตั้งแต่ปี 2015 เราเคยมี ชานนท์ ชุ่มใจ (บีเอ็มดับเบิลยู), อนุชา นาคเจริญศรี ขี่ให้ทั้งฮอนด้า และยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม, สหัสชัย แก้วจตุรพร (คาวาซากิ) มาถึงล่าสุด ฐิติพงศ์ วโรกร ที่ขี่ให้ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ในปี 2019
หากดูสถานการณ์ของทีมโรงงานฮอนด้าใน WorldSBK ที่ไม่ได้เป็นทีมหัวแถวและไม่ต่างจากในโมโตจีพี บวกกับรายชื่อนักบิดระดับเขี้ยวลากดินในรายการนี้ ผมเชื่อว่าการเดินทางครั้งใหม่ของสมเกียรติ ร่วมกับทีมโรงงาน HRC จะเป็นความท้าทายใหม่ที่ก้องจะต้องลุยไปให้ได้ และคนไทยทุกคนยังพร้อมส่งใจเชียร์อยู่เสมอครับ