To The Moon ชีวิตจะดีจะชั่ว ขอแค่มีเงินก็น่าจะดีแล้ว (มั้ง)

ภาพจาก FB: MBC 드라마

เป็นอีกสุดสัปดาห์ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปยังไงดี (ปัญหาส่วนตัว) แล้วเชื่อไหมว่าการดูซีรีส์ที่เมื่อก่อนเคยเป็นแหล่งกบดานทางใจชั้นดีเวลาเจอเรื่องบ้าบอคอแตกในชีวิตมา ทุกวันนี้มันไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไรแล้ว แต่ก่อนแค่เปิดซีรีส์ดูตอนที่รู้สึกหม่นหมองมาก ๆ สักพักก็ดีขึ้น แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกได้เลยว่ามันไม่ค่อยช่วยเยียวยาใจเลย ไม่รู้ว่าเพราะโตขึ้น หรือเพราะปัญหาที่เกิดมันมีอิทธิพลต่อใจหนักขึ้น หรือว่าเพราะการดูซีรีส์มันไม่ค่อยบันเทิงใจเท่าไรแล้ว อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่ดีแน่ อย่างน้อยก็ต้องทำอะไรสักอย่างไม่ให้มันฟุ้งซ่าน และวิธีแก้ที่ดูดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ ทำงาน! (ตำแหน่งพนักงานดีเด่นต้องเข้า) 555

แต่…การดูซีรีส์ก็คืองานอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ต้องหยิบสักเรื่องขึ้นมาดูล่ะนะ ต่อให้มันจะไม่บันเทิงใจเท่าไรก็เถอะ แต่งานเสร็จ 555 สัปดาห์นี้เลยเลือกซีรีส์เรื่องใหม่แกะกล่องจาก viu ขึ้นมาดู บอกเลยว่าแค่พล็อตเรื่องก็ซื้อแล้ว แถมดูมา 2 ตอน ยังไม่รู้สึกเนือยหรืออ่อมหรืออิหยังวะเลยด้วย อาจจะด้วยไม่ได้คาดหวังว่ามันต้องดีต้องสนุก เอาจริงคือไม่ได้ตามข่าวตอนสร้างเลยด้วย เห็นแค่ตอนเลือกนักแสดงว่าใครเล่นบ้าง แล้วก็ไม่เห็นข่าวอะไรอีก อาจเพราะไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูจะเป็นกระแสได้มั้ง นักแสดงก็ไม่ใช่ตัวท็อประดับแม่เหล็กของวงการ แต่พอเปิดดูแล้วเพลินเลย ตอนละชั่วโมง แป๊บเดียวจบซะแล้ว มันอาจจะไม่ได้สนุกแบบชวนติดงอมแงม แต่น่ารักและเพลินดี

ภาพจาก FB: MBC 드라마

To The Moon หรือชื่อภาษาไทยจาก viu คือ ไปให้สุด แล้วหยุดที่ดวงจันทร์ เล่าเรื่องราวมิตรภาพแบบเพื่อนหญิงพลังหญิงตามประสาสาวออฟฟิศของพนักงานสัญญาจ้างสามคนของบริษัทขนม Marron Confectionery พวกเธอทั้งสามต่างก็เผชิญหน้ากับชีวิตที่ไม่มั่นคง แม้รายได้จะเข้าทุกเดือนแต่มันก็น้อยนิด ที่สำคัญ ความไม่มั่นคงที่เปราะบางที่สุดมาจากตำแหน่งงานของพวกเธอเอง การที่พวกเธอยังไม่ได้ถูกบรรจุเป็นพนักงานประจำมันก็ยิ่งทำให้พวกเธอรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ อยู่ทุกวัน และทำให้พวกเธอต้องเผชิญกับความยากลำบากทางการเงินในทุก ๆ เดือน หนี้สินเบ่งบานไม่หยุด รวมถึงความปสด.เกินต้านจากบรรดาเจ้านายทุกระดับ และเพื่อนร่วมงานที่ชวนปวดหัวด้วย

ภาพจาก FB: MBC 드라마

นางเอก เป็นพนักงานสัญญาจ้างแผนกการตลาด เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน แม่พร่ำสอนเธอมาตลอดว่าถึงจะไม่ได้เก่งที่สุด ก็แค่พยายามให้หนักก็พอ เธอจึงใช้ความพยายามหาวิธีเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นมาโดยตลอด เพราะเธอต้องการชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัย เธอขยัน พยายาม อดทน และสู้ชีวิตเท่าที่จะสู้ได้มาตลอด แต่ก็โดนชีวิตสู้กลับไม่พัก เพื่อนรุ่นพี่นางเอก เป็นพนักงานสัญญาจ้างฝ่ายขายและสนับสนุน เธอเป็นคนประเภทที่มีไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีเยี่ยม เธอเองก็มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างฐานะทางการเงินให้มั่นคง แม้ว่าจะเคยล้มเหลวจากการลงทุนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้และพร้อมที่จะลองใหม่เสมอ เธอนี่แหละที่เป็นคนชักนำทุกคนไปสู่คริปโต

ภาพจาก FB: MBC 드라마

เพื่อนรุ่นน้องของนางเอก เป็นพนักงานสัญญาจ้างแผนกบัญชี เธอเป็นสาวที่ใช้ชีวิตสนุกสนานสุดเหวี่ยง สไตล์ YOLO (You Only Look Once) เชื่อในคติที่ว่าใช้เงินให้หมด แล้วค่อยหาใหม่! แม้จะมีปัญหาทางการเงินและหนี้สินท่วมหัว แต่เธอก็ยังใช้เงินแบบวู่วามและปล่อยจอยทุกความเครียด ส่วนพระเอก ที่เปิดเรื่องมา 2 ตอนแล้วแต่เห็นหน้าน้อยเหลือเกิน 555 เขาเป็นหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดี ทายาทเศรษฐี ทำงานเก่ง ถือเป็นผู้ชายในอุดมคติของใครหลายคนทั้งผู้ชายด้วยกันและสาว ๆ มากมาย แต่เขาเองกลับมีปม เพราะหน้าที่การงานของเขาสวนทางกับความฝันที่อยากเป็นนักร้อง จนความฝันนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป แต่มันกลับถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาได้มาพบกับนางเอก

ตายไปซะ ยังไงชีวิตก็ไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว จบมันซะตอนนี้แหละ รอชีวิตดีชาติหน้าเอาแล้วกัน ตายซะ

ตลกร้ายอยู่นะชีวิตนางเอกอะ 555 คือชีวิตนางมันต้องสิ้นหวังแล้วก็หดหู่ขนาดไหน ทั้งที่สลบไปเพราะโดนผึ้งต่อยระหว่างสัมภาษณ์งาน นางก็ยังฝันเห็นตัวเองในเวอร์ชันอนาคตที่มาบอกกับตัวเองในเวอร์ชันปัจจุบันว่าพอแค่นี้เถอะ อย่าไปต่อเลย ทั้งเรื่องลดน้ำหนัก ที่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ และเรื่องสมัครทำงานที่บริษัทขนมแห่งนี้ ที่ถึงจะได้งานทำ แต่ก็เป็นเพียงพนักงานสัญญาจ้างชั่วคราว ไม่มั่นคงและไม่มีอะไรแน่นอนเลย แถมตัวนางในเวอร์ชันอนาคตยังพยายามจะทำร้ายตัวนางในเวอร์ชันปัจจุบันซะด้วย (ย้ำว่านางฝัน) เพราะตัวนางในอนาคตรู้ดีว่าความจนตรอกมันสร้างปาฏิหาริย์ไม่ได้ และสิ่งที่นางเลือกในวันนี้ มันนำพาไปสู่ความพังพินาศในอนาคต

ภาพจาก FB: MBC 드라마

เมื่อนางไม่เชื่อคำเตือนจากตัวเองในอนาคต นางก็ปล่อยให้ชีวิตของตัวเองเดินมาถึงอนาคตที่เป็นปัจจุบัน นางทำงานอยู่ที่บริษัทขนมมานาน 3 ปี แต่ก็ยังเป็นแค่พนักงานสัญญาจ้างที่ไม่มีทีท่าว่าจะได้อัปเกรดเป็นพนักงานประจำ แถมผลการประเมินผลงานประจำปีของนางก็อยู่ปานกลางมาตลอด 3 ปี ที่พูดมาทั้งหมดนี่คิดว่าชีวิตนางน่าสมเพชมากแล้วใช่ไหม ไม่จ่ะ! ยังจ่ะ! มันยังน่าสมเพชได้มากกว่านี้อีกจ่ะ เมื่อนางเริ่มตกผลึกได้ว่าแฟนหนุ่มของนางที่จู่ ๆ ก็หายตัวไป แท้จริงแล้วนางโดนทิ้ง เขาหนีหายเพราะนางพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมา และนางก็โดนฝังกลบซ้ำอีกรอบ เมื่อท้ายที่สุดนางก็ได้รู้ความจริงว่าแฟนหนุ่มนอกใจแล้วไปคบซ้อนผู้หญิงอีกคนที่มั่นคงกว่า ในวันเกิดของนางเอง

ในวันที่ทุกอย่างพังพินาศ นางเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในแอ่งน้ำขังเล็ก ๆ บนถนน นางก็ตระหนักได้ว่านางเคยเห็นตัวเองในสภาพนี้มาก่อน นั่นก็คือวันที่นางสลบไปเนื่องจากโดนผึ้งต่อยและฝันเห็นตัวเองนั่นแหละ จนเวลานี้นางเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านั่นคือความฝัน หรือจริง ๆ มันคือลางบอกเหตุของความจริงที่โหดร้ายและวนลูป แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าชีวิตนางเส็งเคร็งอยู่ดี ทว่าไม่ว่าชีวิตจะเส็งเคร็งยังไง น่าสมเพชขนาดไหน ในเมื่อยังหายใจอยู่ ยังไม่ตาย มันก็ต้องดิ้นรนไปกันต่อนั่นแหละ (เหมือนแอบเห็นชีวิตตัวเองเข้าไปทับซ้อน 555) เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่นา! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ต้องกระเสือกกระสนสู้ต่อไป

ภาพจาก FB: MBC 드라마

นางเอกคือภาพแทนของคนธรรมดา ๆ ในสังคมปัจจุบันที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ชีวิตเริ่มจากติดลบ ค่อย ๆ มาอยู่ในจุดที่พอจะประคับประคองตัวเองได้ ทว่ามันก็ยังไม่มากพอที่จะบอกว่าชีวิตปกติสุขดี ไม่ถึงกับล้มแต่ก็ไม่ได้ยืนได้อย่างมั่นคงนัก มีงานทำแต่มันก็ไม่มั่นคง เงินเดือนน้อยนิด แถมพยายามแค่ไหนก็เป็นได้แค่คนนอกคอก ทั้งที่เธอเองไม่ได้ฝันอยากจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี เธอแค่อยากมีชีวิตธรรมดา กลาง ๆ ไม่ต้องลำบากลำบนหรือรู้สึกว่ามันยากเย็นขนาดนี้ ตัวเธอเองก็เจียมตัวอยู่เสมอว่าชีวิตเธอมันเกินเยียวยา เหมือนเกมที่แพ้แล้ว ถึงงั้นก็ยังสู้ไม่ถอย แล้วรู้ไหมว่าชีวิตนางน่าสงสารตรงไหน ตรงที่นางไม่เคยอิจฉาคนอื่นที่มีชีวิตดี แต่นางอิจฉาคนที่มีสิทธิ์ลองใหม่ได้เมื่อล้มเหลวมากกว่า

หมัดเด็ดเหรอ ฉันเคยแต่เป็นฝ่ายโดน แม้โลกอันโหดร้ายใบนี้จะซัดฉันจนฟันร่วงหมดปาก ฉันก็ยังเชื่อว่าความทุกข์นี้คือโชคชะตา เพราะฉันมันมีแต่ตัว

เป็นถ้อยคำตัดพ้อที่ได้ยินแล้วรู้สึกหน่วงตามจริง ๆ และก็เข้าใจสถานการณ์ของนางมาก ๆ ด้วย รู้ว่าตอนนี้นางเหนื่อยแค่ไหน นางเจ็บปวดขนาดไหน กับการต้องพยายามมีชีวิตรอดทั้งที่เผชิญกับโลกที่โหดร้าย และรู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ “เกิดแต่กับกู” จากมุมของนาง เราจะเห็นว่านางก็พยายามทำอย่างเต็มที่ทุกอย่าง มีโอกาสอะไรผ่านเข้ามานางไม่เคยพลาดที่จะคว้าไว้ แต่กลายเป็นว่าโอกาสที่หลุดมาถึงนาง มันเป็นแค่การจัดฉากเพื่อไม่ให้ดูเจาะจงกับคนที่ล็อกมงไว้แล้ว ก็ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา มันก็เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากจริง ๆ

ภาพจาก FB: MBC 드라마

ต้องบอกอย่างนี้ว่านางเอกเนี่ย นางไม่ใช่คนขี้แพ้อะไรเลย ที่ผ่านมานางพยายามสู้ในแบบของนางมาโดยตลอด ขนาดวันสัมภาษณ์งานที่นางโดนผึ้งต่อยกลางห้องสัมภาษณ์ นางเจ็บมากนะไม่ใช่ไม่เจ็บ แต่ก็อดทนฝืนสัมภาษณ์ต่อให้จบ เพราะกลัวพลาดโอกาสที่จะได้งาน เพราะถ้านางไม่ได้งานที่นี่ชีวิตนางจะต้องจนตรอกมากกว่าเดิม ดังนั้น ไอ้ชีวิตธรรมดา กลาง ๆ ที่นางโหยหา ก็เป็นแค่ชีวิตที่โดนผึ้งต่อยก็ไปโรงพยาบาลได้เลย ไม่ต้องห่วงหรือกังวลว่าตัวเองจะพลาดโอกาสสำคัญอะไรในชีวิตไป ทว่าที่นางต้องฝืนและอดทน เพราะรู้ดีว่าตัวเองดูน่าสมเพชแค่ไหนกับเรื่องเงิน

แต่…โอกาสที่นางไขว่คว้าในวันนั้น ดันทำให้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา นางกลับต้องทนทำงานในสภาพจิตใจที่ดำดิ่งสู่โลกมืด จนในที่สุด ความขยันที่นางเคยภูมิใจว่าเป็นข้อดีของตัวเอง ก็กลายเป็นปมด้อยของนางไปซะได้ ความพยายามที่นางใส่จัดเต็มกับทุกสิ่งที่ทำ กลับโดนคนอื่นพูดกรอกหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้พยายามมากขึ้นกว่าเดิม พยายามให้มากกว่านี้ จนนางเริ่มไม่รู้แล้วว่านางจะต้องพยายามอีกมากแค่ไหน และจะต้องพยายามอย่างหนักไปอีกนานแค่ไหนกว่าที่ตัวเองจะได้เข้าใกล้ความสำเร็จแบบคนอื่น เพื่อที่จะไม่ต้องมานั่งโทษตัวเองอย่างโหดร้ายว่ายังพยายามไม่มากพอแบบที่คนอื่นพูดกรอกหู นางจึงพยายามคิดว่าทุกอย่างที่ตัวเองเผชิญคือโชคชะตาที่เลวร้ายแทน

ภาพจาก FB: MBC 드라마

ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกที่ว่า “มีแต่ตัว” ของนาง จะกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะตัวนางนั่นแหละคือทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดที่จะใช้ต่อสู้กับโชคชะตาที่ควบคุมไม่ได้ที่ว่า ตัวนางเองนั่นแหละที่เป็นเกราะและประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งที่ทั้งชีวิตโดนซัดมาตั้งขนาดนั้น แต่นางยังไม่ยอมแพ้ ยังอยู่รอดด้วยความทนทานและพลังแห่งการฟื้นตัวที่น่าทึ่ง นางยังคงอยู่เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม นางยังพยายามออกหมัดสู้กลับชีวิตเส็งเคร็งของนางแบบหมัดชนหมัด เพื่อให้ตัวเองมีช่องว่างสำหรับหายใจต่อไป ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่จะเป็นโอกาสและความหวังของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่มันก็เป็นเส้นทางที่เสี่ยงไม่น้อย

เส้นทางใหม่ที่นางเอกและผองเพื่อนค้นพบ คือ “การลงทุนในคริปโต” ที่เต็มไปด้วยทั้งความเสี่ยงและความหวัง! แต่มันก็เป็นโอกาสสุดท้ายและหมัดเด็ดเดียวที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขา โดยที่พวกเขาก็ต้องยอมรับให้ได้ด้วยว่าสิ่งที่เริ่มจากการพนัน จะกลายเป็นรถไฟเหาะที่แล่นขึ้นลงอย่างรวดเร็วในตลาดคริปโต และรถไฟสายนี้ก็ไม่รับประกันด้วยว่าทุกคนจะถึง “ดวงจันทร์” โดยสวัสดิภาพ ระหว่างทางพวกเขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก บททดสอบ และสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่น่าขนลุก ทว่าหากยังมั่นใจในความฝันและความหวังที่ยังไม่บรรลุ ก็โดดขึ้นรถไฟสายนี้ได้เลย

ภาพจาก FB: MBC 드라마

To The Moon เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดชีวิตจริงของหนุ่มสาววัยทำงานที่เต็มไปด้วยความฝัน ความผิดหวัง การดิ้นรนเอาตัวรอด และมิตรภาพที่จะช่วยชุบชูใจ โดยใช้ “คริปโต” เป็นตัวชูโรง เป็นความหวังที่จะพาพวกเขาทุกคนไปสู่ดวงจันทร์ คือจากฉากของซีรีส์ก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอก เพราะเนื้อเรื่องมันดำเนินอยู่ในช่วงปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดคริปโตเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความบ้าคลั่ง และความโลภอย่างแท้จริง จนกระทั่งฟองสบู่แตกและเข้าสู่ช่วงตลาดหมี นี่คิดว่าซีรีส์ก็น่าจะพาเราไปถึงจุดนั้นด้วย จึงน่าลุ้นว่าความหวังเดียวของพวกเขาในตอนนั้นมันจะพาตัวละครทั้งหมดไปถึงจุดไหน เพราะดูเหมือนว่ามีหายนะใหญ่รอพวกเขาอยู่ 🪙