ใครขับรถแล้วไม่เคยปิดระบบ Auto Start/Stop บ้าง ยกมือขึ้น! จากประสบการณ์ที่ผมเคยขับรถและทดสอบรถมาในหลาย ๆ ยี่ห้อ ค่อนข้างเชื่อเลยครับว่าคนที่ยกมือจะมีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก เพราะคนใช้รถส่วนใหญ่รวมถึงผมด้วยก็ปิดไอ้เจ้าระบบนี้ทุกครั้งเวลาขับรถใช้งานจริงกันแทบจะทั้งนั้น
ระบบสตาร์ตและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ หรือที่บางยี่ห้อจะใช้ชื่อเรียกต่างกันออกไปว่า S&S หรือ Idling stop จริง ๆ แล้วมันมีที่มาจากแนวคิดในการรักษาสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ยุค 70 โน่นแล้วเพื่อลดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และประหยัดน้ำมัน ในช่วงที่รถสตาร์ตเครื่องอยู่ก็จัดการดับเครื่องให้มันซะเลย รถยนต์รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบนี้ คือโตโยต้า คราวน์ ในปี 1974
ปัจจุบัน รถใหม่ป้ายแดง ไม่ว่าจะค่ายญี่ปุ่นหรือยุโรป ไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซล ก็ล้วนติดตั้งระบบนี้ออกมาจากโรงงานทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งผมเข้าใจว่าบางยี่ห้อจำเป็นต้องมีระบบนี้ เพื่อให้ค่าการปล่อยมลพิษลดลง และมีผลในเรื่องของภาษีด้วย ซึ่งคอนเซปต์ที่แท้จริงของมันจริง ๆ แล้วมันก็ดีนะครับ คือการประหยัดพลังงานและช่วยลดมลพิษจากไอเสียรถยนต์
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว คนใช้รถส่วนใหญ่กดปิดระบบนี้ทุกครั้งยามที่ออกรถ เพราะรำคาญกับไอ้เจ้าระบบดังกล่าว ส่วนรถบางรุ่นที่ไม่สามารถเปิด-ปิด ระบบนี้ได้ ก็คงต้องบอกว่าเป็นความโชคร้ายของคนใช้รถรุ่นนั้น ๆ แม้ว่าจากผลการวิจัยที่ออกมา จะยืนยันว่าระบบนี้มันช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ก็ตามที
ผมเองเคยเจอมากับตัว บางยี่ห้อ ขับ ๆ อยู่ไปจอดตรงกลางสี่แยก ระบบทำงาน แล้วกว่าจะกดคันเร่งสตาร์ตใหม่ก็เสียเวลาไปหลายวินาที บางทีก็กลัวจะอันตราย เพราะคันหลังที่ขับตาม ๆ กันมาอาจจะซัดท้ายได้เหมือนกัน หรือรถกระบะบางยี่ห้อเครื่องดีเซล ระบบนี้ทำงาน กดสตาร์ตใหม่ ห้องโดยสารสั่นทั้งรถก็เคยเจอมาแล้ว
งานนี้บอกเลยว่าไม่ใช่แค่คนไทยเราที่รู้สึกครับ เพราะขนาดผู้บริหารของ Environmental Protection Agency (EPA) หรือสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา อย่าง Lee Zeldin ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ยังออกมาให้ความเห็นผ่านช่องทาง X ของตัวเองครับ ว่าบางทีอาจถึงเวลาต้องแก้ไขเจ้าระบบ Auto Start/Stop นี้กันแล้ว
จริง ๆ แล้วหากเป็นอย่างที่บอกว่าประหยัดน้ำมัน 10 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่ามันก็ขึ้นกับระยะเวลาในการจอดด้วย หากเราจอดติดไฟแดง 3-4 นาที มันก็จะช่วยประหยัดได้อยู่แล้ว แต่หากจอดเพียงไม่กี่วินาที มันไม่สมเหตุสมผลที่ระบบนี้จะต้องเข้ามายุ่งการขับรถของเรา ยิ่งบางยี่ห้อระบบนี้ทำงาน แอร์ในรถก็ลดทอนการทำงานลงไปด้วย ร้อนกันไปอีก
ที่สำคัญมันกินแบตเตอรี่มาก ๆ หากสังเกตกันให้ดีหากใช้แบตเตอรี่มาตรฐานปกติ คุณจะต้องเปลี่ยนแบตฯ ก่อนกำหนดแน่นอน อย่างไรก็ดี หากเป็นรถยนต์ไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด อันนี้ไม่ว่าเลยครับ เมื่อจอดระบบทำงาน เครื่องดับ แต่แอร์ยังฉ่ำเหมือนเดิม และเวลาออกตัวก็ไม่จำเป็นต้องสตาร์ตทันที เพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยออกตัวอยู่แล้ว
งานนี้ไม่รู้ว่า EPA จะเข้ามาแก้ไขระบบนี้ในรถที่จะผลิตออกมาใหม่อย่างไร แต่หากเลือกได้ ผมเชื่อว่าคนที่ใช้รถเครื่องยนต์สันดาปคงอยากให้ตัดระบบนี้ออกไปเลย แต่ในช่วงเวลานี้คงทำได้แค่ “กดปิด” หรือกดปุ่ม A Off กันไปก่อนก็แล้วกันนะครับ