เคยได้ยินความเชื่อเรื่องนกกระจอกเทศที่มักจะเอาหัวมุดดินเมื่อรู้สึกว่าภัยจะมากันไหมคะ ความเชื่อดังกล่าวถูกส่งต่อความรู้มาตั้งแต่ยุคโรมันและเชื่อกันเช่นนั้น จนกลายเป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้เรียกคนที่หลีกเลี่ยงความจริง หรือปฏิเสธปัญหาด้วยการทำเป็นไม่เห็น หรือพยายามซ่อนตัวจากสิ่งที่ไม่อยากเผชิญ
เอาเข้าจริง “นกกระจอกเทศ” ถูกเข้าใจผิดมาตลอดค่ะว่าพวกมันเอาหัวมุดดินเพื่อหนีปัญหา แต่ในความเป็นจริงแล้ว การก้มหัวลงพื้นของนกกระจอกเทศนั้นสามารถจำแนกได้เป็นสามพฤติกรรม ประการแรกคือระแวดระวังภัยรอบตัว ประการที่สองคือดูแลไข่ที่ฝังเอาไว้ และประการสุดท้ายเป็นการก้มหัวลงเพื่อหาอาหาร ด้วยท่าทีดังกล่าว จึงทำให้เข้าใจไปว่านกกระจอกเทศกำลังเอาหัวมุดลงไปในดิน
ทีนี้กลับมาที่คนที่ถูกนำไปเปรียบเปรยกับนกกระจอกเทศกันบ้าง เพราะคนที่ถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนกับนกกระจอกเทศนั้น มักจะเป็นคนที่หลีกเลี่ยงความจริง หรือปฏิเสธปัญหาด้วยการทำเป็นไม่เห็น หรือพยายามซ่อนตัวจากสิ่งที่ไม่อยากเผชิญ
ในยุคปัจจุบัน คนประเภทนกกระจอกเทศ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ เริ่มตั้งแต่พฤติกรรมส่วนตัว อาทิ มีปัญหาสุขภาพ แต่ไม่กล้าไปหาหมอ เจอปัญหาหนี้สิน แต่ไม่เปิดจดหมายจากธนาคาร ได้แต่วิ่งหนีความจริงไปวัน ๆ หรือในสถานที่ทำงานที่เราจะพบเจอคนประเภทนกกระจอกเทศได้เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการถึงผู้บริหาร กับอาการเพิกเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร หรือหัวหน้าที่เห็นความขัดแย้งของคนในทีม แต่ไม่เคยคิดจะแก้ไข
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ หลายท่านอาจจะรู้สึกว่า “คนประเภทนกกระจอกเทศ” ไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนประเภทนี้ทำให้สังคมเต็มไปด้วย “คนที่เพิกเฉย” ต่อปัญหาที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่คิดถึงการเสียสละเพื่อคนอื่น แต่มักจะเอาที่ตัวเองสบายใจและทิ้งปัญหาให้คนอื่นแก้ไข เพราะปัญหาที่รอคนประเภทนี้แก้ไขนั้น มักถูกปล่อยไว้นานจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การเผชิญหน้ากับปัญหาจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้มากกว่า
ในขณะที่สังคมการทำงานในยุคปัจจบันแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีทักษะการสื่อสารเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการทำงานน้องลงกว่าเดิมมาก และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้โดยง่าย เรื่องที่ควรจะจบได้โดยง่ายกลายเป็นเรื่องยากไปแล้วในยุค 2025
ความน่ากลัวของคนประเภทนกกระจอกเทศจึงไม่ได้อยู่ที่ “ความผิดพลาดที่เขาก่อ” แต่อยู่ที่ “สิ่งที่เขาไม่ยอมรับรู้” เพราะเมื่อไม่มีใครกล้าเผชิญกับความจริง สังคมก็จะเต็มไปด้วยปัญหาที่ไม่มีใครกล้าแตะ ทีมจะเต็มไปด้วยความอึดอัดที่ไม่มีใครกล้าเปิด และองค์กรจะเต็มไปด้วยความนิ่งเฉยที่ค่อย ๆ พาระบบทั้งหมดเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอยโดยไม่รู้ตัว
สำหรับการรับมือกับผู้คนที่มีอาการหรือนิสัย “นกกระจอกเทศเอาหัวหมุดดิน” คือสร้างความกล้าให้เกิดขึ้น เพื่อพาพวกเขาไปเจอกับปัญหาที่ยังติดค้างอยู่ เป็นการสร้างนิสัยที่เต็มไปด้วย “ความรับผิดชอบ” รู้จักที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ในยุคปัจจุบัน สังคมจะก้าวไปข้างหน้าได้ ต้องเริ่มจากคนธรรมดาที่กล้ารับผิดชอบต่อความจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่คนที่หลบซ่อนอยู่ในความสบายใจของตนเอง ทั้งนี้การช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อแก้ปัญหา คือการสะท้อนถึงวุฒิภาวะและความเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ