พรีเมียร์ลีกสําคัญที่สุด

หลัง อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลั่นวาจาว่า 3 เกมในช่วงนี้มีผลต่อการลุ้น 3 แชมป์ของทีม แต่ขอเน้นเกมพรีเมียร์ลีกพบเซาธ์แฮมป์ตันก่อนเพราะสําคัญที่สุด และเขาก็ไม่ทําให้แฟนบอลลิเวอร์พูลผิดหวัง ด้วยการนําทัพเปิดบ้านอัดทีม “นักบุญ” ไปได้ 3-1

แม้จะถูกนําไปก่อน แต่พวกนักเตะเร่งเครื่องในครึ่งหลังแซงขึ้นนําได้ 2-1 แล้วเล่นแบบปิดเกมติ๊ดชึ่งได้ตั้งแต่เวลาในสนามยังเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง ทําให้โค้ชสามารถดึงบางคนออกไปพักได้ และบางคนที่อยู่ในสนามก็เบาเครื่องเซฟพลังงานได้เหมือนกัน

พูดถึงประเด็นความชัดเจนแล้ว ผมชอบกุนซือชาวดัตช์ผู้นี้ครับ มีเป้าหมาย มีหลักการ มีหลักคิด เกมกับทีมบ๊วยในตารางจึงพักนักเตะแค่ 3 รายนั่นก็คือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ และดิโอโก้ โชต้า เพราะเขาไม่อยากพลาด เพราะตระหนักดีว่าถ้วยลีกสูงสุดสมัยที่ 20 นั้นมันสําคัญต่อสโมสรขนาดไหน

ในความคิดของผมเองนั้น ถ้าได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ต่อให้แห้วอีกสองถ้วยที่เหลือก็ไม่เห็นจําเป็นต้องแคร์แดมอะไร

ปรากฏว่าถึงตอนนี้ใกล้กลางเดือนมีนาคม “หงส์ผงาดฟ้า” นําห่างทีมอันดับสองอย่างอาร์เซนอลไปถึง 15 แต้ม ส่วน แมนฯ ซิตี้นั้นไม่ต้องพูดถึง หลังพลาดท่าบุกไปแพ้ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทําให้ทีมของเป๊ป ตอนนี้คะแนนตามหลังลิเวอร์พูล ถึง 23 แต้มเข้าไปแล้ว

ถ้าเปรียบเทียบกับซีซันก่อน เมื่อจบฤดูกาล “เรือใบสีฟ้า” มีแต้มมากกว่าทีมจากแอนฟิลด์ถึง 9 คะแนน จะเห็นได้ว่าเป็นแนวโน้มที่แตกต่างกันของทั้งสองทีม ที่มีช่องว่างไปกลับมากมายเกินคาด

น่าติดตามยิ่งนักว่ามิสเตอร์กวาดิโอล่าจะทําอย่างไรในช่วงปิดซีซัน ที่จะทําให้ทีมของเขานั้นกลับมาไฉไลมีลุ้นแชมป์อีกครั้งให้ได้

ส่วนชัยชนะเหนือทีมนักบุญนั้น ก็น่าจะทําให้ลิเวอร์พูลเบาใจในลีกไปได้เยอะ เพราะจะนําห่างกว่าสิบแต้มไปจนสิ้นมีนาคม ทีมจะไม่มีแมตช์ในลีกอีกแล้วในเดือนนี้ สมาธิเต็ม ๆ คงไปอยู่กับถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในรอบน็อกเอาต์กับเปแอสเชเลกที่สอง กับนัดชิงชนะเลิศคาราบาวคัพ

ลองนึกเล่น ๆ ว่าถ้า สล็อต สามารถนําทีมคว้าลีกคัพมาประเดิมเป็นโทรฟี่แรกของตัวเขาเองในการคุมทีมปีแรก ก็น่าจะลดความกดดันให้ตัวเองไปได้มากมาย เพราะประสบความสําเร็จได้ตั้งแต่หัววันโดยไม่ต้องลงทุนซื้อนักเตะอะไรมากมายเลยด้วยซํ้า

ขออนุญาตฝันต่อว่าเมื่อรวมกับสถานการณ์หนาวเหน็บบนหัวแถวพรีเมียร์ลีกแบบนี้ น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ สล็อต จะได้ทําการโรเตชั่นนักเตะในบางนัด เพื่อจะให้ช่วงท้าย “หงส์แดง” ได้ใส่เต็ม ๆ กับถ้วย ชปล. สู่เป้าหมายการเป็นเทรเบิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เฉกเช่นเดียวกับสมัยกุนซือ โจ เฟแกน เคยทําได้ในการคุมทีมซีซันแรก 1983-84 (ลีกสูงสุด, ลีกคัพ และยูโรเปียนคัพ)

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น สมการนี้เรายังไม่เคยถามทีมอย่างเปแอสเช ซึ่งลิเวอร์พูลจะต้องเปิดบ้านสยบให้ได้ในเลกที่สอง รวมทั้งเรอัล มาดริด ซึ่งยังเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ในรอบรองชนะเลิศ ถ้าผ่านด่านคู่ต่อสู้ไปจนถึงวันนั้นด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ผมยังแอบคิดแบบเข้าข้างตัวเองว่านาทีนี้ไม่มีสโมสรใหญ่ในยุโรปทีมใดที่กําลังอยู่ในช่วงพีคเลย ไม่ว่าจะเป็น “ราชันชุดขาว” ที่นักเตะบาดเจ็บกันระนาว บาเยิร์น มิวนิค ก็ยังไม่น่ากลัวถึงขีดสุด บาร์เซโลน่า ของฮันซี่ ฟลิค เองขุมกําลังยังไม่ใหญ่โตพอ อาร์เซนอล ของอังกฤษเองก็รู้ตับไตไส้พุงกันดีอยู่

เพราะฉะนั้น แฟนลิเวอร์พูลเองก็มีสิทธิ์หวังเช่นเดียวกัน ขอเพียงไม่โชคร้ายเจอปัญหานักเตะตัวหลักบาดเจ็บขึ้นมา รวมทั้งได้แข้งที่ไม่สมบูรณ์อย่าง คอเนอร์ แบรดลี่ย์, โจ โกเมซ, โคดี้ กัคโป และไทเลอร์ มอร์ตัน กลับมาได้ไว ๆ คอยมาสลับสับเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงไม่ให้กรอบมากนักในช่วงโค้งสุดท้าย

เอาเป็นว่า ค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้นทีละถ้วยก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก แต่ที่สําคัญยิ่ง คือการไม่ลืมเน้นที่พรีเมียร์ลีก ทําคะแนนจนขาดลอยคว้าแชมป์แน่นอนเมื่อไหร่ ความกดดันจะถูกปลดแอกไปในทันที

ขอปิดท้ายด้วยโปรแกรมทั้งหมดที่เหลือของ “หงส์แดง” ในพรีเมียร์ลีก ส่วนคิวฉลองแชมป์ และรถแห่ล้อหมุนวันไหนนั้น โปรดพิจารณาและนอนฝันกันตามใจชอบครับแฟน ๆ.

ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน (3 เม.ย.), ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล (6 เม.ย.), ลิเวอร์พูล-เวสต์แฮม (13 เม.ย.), เลสเตอร์-ลิเวอร์พูล (20 เม.ย.), ลิเวอร์พูล-สเปอร์ส (27 เม.ย.), เชลซี-ลิเวอร์พูล (3 พ.ค.), ลิเวอร์พูล-อาร์เซนอล (10 พ.ค.), ไบรท์ตัน-ลิเวอร์พูล (18 พ.ค.), ลิเวอร์พูล-คริสตัล พาเลซ (25 พ.ค.)