“โมโตจีพี Shakedown” ทดสอบรถแบบไหน อย่างไร

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเปิดฤดูกาลโมโตจีพี 2025 ที่ปีนี้พิเศษสุดสำหรับแฟน ๆ ชาวไทย เมื่อมีการขยับสนามประเทศไทยมาเป็นสนามเปิดหัวของฤดูกาล ในช่วง วันที่ 28 ก.พ. ถึง 2 มี.ค. นี้ ซึ่งก่อนที่ฤดูกาลแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น โปรแกรมทดสอบรถอย่างเป็นทางการ จะเป็นเวทีที่ทำให้ทุกทีมได้เก็บข้อมูลก่อนถึงวันแข่งขันจริง

พูดถึงการทดสอบรถ หรือการฝึกซ้อมในช่วงปิดซีซัน ใช่ว่านักแข่งจะเอารถแข่งสเปกโมโตจีพีมาขับซ้อมกันได้ตามใจชอบนะครับ เพราะกติการะบุไว้ชัดเจนว่าห้ามนำรถแข่งสเปกที่ใช้แข่งขันมาขับฝึกซ้อมแบบส่วนตัว โดยหากจะซ้อมกับรถแข่งคันจริง จะต้องอยู่ในโปรแกรม Official Test ของโมโตจีพีเท่านั้น

ที่ผ่านมาในช่วงปิดซีซัน เราอาจจะเห็นภาพนักบิดระดับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่, มาร์ก มาร์เกซ, โจน เมียร์ หรือกระทั่ง ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ซ้อมรถในสนามกันอย่างเข้มข้น แต่ทั้งหมดเขาไม่ได้ใช้รถแข่งโมโตจีพีลงซ้อมแต่อย่างใด เขาใช้รถโปรดักชันไบค์ ลงทดสอบไปก่อน อย่าง กวาร์ตาราโร่ ใช้ยามาฮ่า YZF-R6 มาร์เกซ ใช้ดูคาติ Panigale V4 ขณะที่สมเกียรติ ใช้ฮอนด้า CBR1000

ส่วนโปรแกรมซ้อมอย่างเป็นทางการของโมโตจีพี ที่เรียกว่า Official Test จะมีขึ้นราว ๆ 1 เดือนก่อนเปิดฤดูกาล ซึ่งการที่สนามแรกจะออกสตาร์ตกันที่เมืองไทย ทำให้โปรแกรมทดสอบจะวนเวียนอยู่ในภูมิภาคนี้ เริ่มจาก Shakedown Test วันที่ 31 ม.ค. ถึง 2 ก.พ. ต่อด้วย Sepang Test 5-7 ก.พ. และ Buriram Test 12-13 ก.พ.

แล้ว Shakedown Test มันคืออะไร ต่างจากการเทสต์ปกติอย่างไร คือตามปกติแล้ว โมโตจีพีเขาจะจัดการทดสอบแบบ Shakedown เพื่อให้สิทธิ์กับนักบิดรุกกี้ (นักบิดหน้าใหม่ในคลาสโมโตจีพี) ได้ทดสอบรถแข่งที่จะใช้แข่งจริง ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ สมเกียรติ จันทรา จากอิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ คือ 1 ใน 3 รุกกี้ในปีนี้

นอกจากนักบิดรุกกี้ที่ได้สิทธิ์แล้ว ยังให้สิทธิ์แก่นักบิดทดสอบ (test rider) ของทีมต่าง ๆ ได้นำรถลงทดสอบเพื่อเก็บข้อมูล เตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ให้กับทีมและนักแข่งที่ลงแข่งขันในฤดูกาลนั้น ๆ อย่างไรก็ดี กติกาของโมโตจีพี (concession rules) ก็ยังมีอีกว่า “ผลงานของทีม” ในฤดูกาลก่อน มีผลต่อสิทธิ์ในการทดสอบด้วยเช่นกัน

คือหากทีมไหนผลงานดี พวกนักแข่งตัวจริงก็หมดสิทธิ์ลงทดสอบรถใน Shakedown Test เพราะจะอนุญาตให้เฉพาะนักบิดทดสอบเท่านั้น ซึ่งเขาจะมีการแบ่งแรงกิ้งตามผลงานของทีมไว้ 4 ระดับ ไล่จาก A ไป D ซึ่งหากทีมไหนอยู่ในแรงกิ้ง D นั่นหมายความว่าผลงานทีมค่อนข้างแย่ เหล่าบรรดานักบิดตัวจริงจะได้สิทธิ์ลงทดสอบในรอบนี้ด้วย

ซึ่งแรงกิ้งของบรรดาทีมแข่ง เขาจะแบ่งเป็นค่ายรถ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 ยี่ห้อ ปรากฏว่า เกรด A คือ ดูคาติ เกรด B ไม่มี เกรด C มี เคทีเอ็ม และอะพริเลีย และเกรด D คือ 2 ค่ายจากญี่ปุ่น ฮอนด้าและยามาฮ่า นั่นทำให้ใน Shakedown Test ที่มาเลเซีย จะมีนักบิดจากฮอนด้าและยามาฮ่า ได้สิทธิ์ลงสนามมากที่สุดรวมกันถึง 11 คนครับ

ฉะนั้น แม้จะเป็นเพียงการทดสอบ แต่บอกเลยครับว่าสำคัญมาก ๆ ต่อนักบิดไทยของเรา เพราะจะเป็นโอกาสที่ก้องจะได้เก็บข้อมูลและปรับตัวให้เข้ากับความแรงและเทคโนโลยีของรถโมโตจีพีให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่การทดสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ส่วนเวลาต่อรอบในการทดสอบอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดทั้งหมด แต่จากนักบิด 17 คนที่จะเข้าร่วม Shakedown Test ในครั้งนี้ หากสมเกียรติสามารถรักษาช่องห่างเวลาต่อรอบได้ไม่เกิน 1.5 วินาที จากนักบิดหัวแถว ก็จะถือเป็นสัญญาณที่ดีมากก่อนที่จะเข้าสู่โปรแกรมเทสต์ที่เข้มข้นขึ้นในสเตปต่อไปครับ