ช่วงนี้มีซีรีส์ใหม่หลายเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ในโลกออนไลน์ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่แค่เห็นชื่อพระเอก (แล้วจินตนาการหน้าตาตามเอา) ก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้แล้ว ที่เป็นแบบนั้นหาได้เขินไม่ แต่ขำ 555 เพราะเขาเป็นนักแสดงที่ไม่ว่าจะเล่นบทอะไร คาแรกเตอร์แบบไหน พี่แกก็มักจะขายขำนำขายหล่อเสมอ ขนาดเล่นบทร้ายสุด ๆ ก็ยังไม่วายร้ายมีความติงต๊องเบา ๆ เสิรฟ์คนดู แล้วเรื่องนี้เป็นพระเอก พี่แกก็เล่นหว่านเสน่ห์สาว ๆ ในเรื่องด้วยการขายขำแทนที่จะขายหล่อแบบพระเอกเรื่องอื่น มันก็เลยกลายเป็นภาพจำของบุรุษที่มีชื่อว่า “อีอีคยอง” ไปเลย ที่สุดของตำนาน “เขาหล่อแต่เขาแปลก” พระเอกเกาหลีแต่ละคนที่ขายขำเป็นหลัก ก็ยังไม่มีใครแปลกสู้พี่แกได้เลยจริง ๆ
Marry You เรื่องราวสุดปั่นที่หยิบเอาปัญหาของทุกสังคมประเทศขึ้นมาเล่น ก็คือปัญหาที่ว่าหนุ่มสาวยุคใหม่นิยมครองตัวเป็นโสด ไม่แต่งงาน หรือถ้าแต่งงานก็ไม่มีลูก ซึ่งมันมีผลระดับประเทศก็คือ จำนวนประชากรเกิดใหม่ลดลงและเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นั่นทำให้ระดับภาครัฐต้องเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือเป็นระดับนายกเทศมนตรีของเมืองที่เล็งเห็นปัญหานี้ที่เกิดขึ้นกับชาวเมือง จึงอยากจะสร้างผลงานเรียกคะแนนความนิยม ด้วยการทำโครงการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้แต่งงาน ก็ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาทีมหนึ่งเพื่อเป็นตัวชงให้หนุ่มสาวที่มีโปรไฟล์คลิกกันได้ลองมาออกเดตกัน ถ้าได้ไปต่อถึงขั้นจูงมือเข้าประตูวิวาห์ ทีมนี้ก็บรรลุภารกิจ
เหยื่อแรกของทีมคือ ชายหนุ่มผู้เคยชินอยู่กับการใช้ชีวิตแบบสังคมชาวเกาะ แต่เขากำลังเป็นที่รู้จักของหลาย ๆ คนในประเทศ เพราะมีรายการสารคดีไปถ่ายทำชีวิตอันแสนเรียบง่ายแต่เผยถึงเสน่ห์ที่มีธรรมชาติของเขา เขาเป็นคนดี ขยัน มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ อารมณ์ดี พึ่งพาได้ จึงเป็นที่รักของทุกคนบนเกาะ รับจ้างทำงานทุกอย่างบนเกาะ ชนิดที่ว่าเป็นคู่แข่งของหัวหน้าฮงแห่ง Hometown Cha Cha Cha เลย แต่บุคลิกภายนอกอาจจะไม่ได้ดึงดูดสาว ๆ สักเท่าไร แถมยังมีเด็กแฝด 2 หน่อหลานของเขาที่ต้องคอยดูแลด้วย และตัวเขาก็เลยไม่คิดที่จะแต่งงาน
แต่ถึงแม้จะไม่มีคุณสมบัติข้อไหนที่เหมาะที่จะได้แต่งงานเลยสักข้อ สาวข้าราชการระดับ 7 ก็ต้องรีบส่งเขาเข้าประตูวิวาห์ให้จงได้ เพื่อที่ชีวิตที่เลือกที่จะโสดของเธอจะได้ไม่วุ่นวายอีกต่อไป เธอผู้นี้ไม่เชื่อในความรักและการแต่งงาน ด้วยปูมหลังของชีวิตที่เคยมีปัญหาเลิกรา และต้องหลีกหนีเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานมาทำงานราชการ ทว่ากลับหนีไม่พ้น แถมโครงการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้แต่งงานอะไรนี่ก็ยังทำชีวิตเธอปั่นป่วนด้วยต้องร่วมงานกับแฟนเก่า และต้องมาเจอกับโจทก์เก่าที่เป็นสาวไฮโซอีก เป็นความสนุกที่ชวนลุ้น (แต่เดาทางออก) ว่าเธอจะส่งเขาไปสู่ชีวิตแต่งงานยังไง หรือว่าความสปาร์กที่ค่อย ๆ ก่อตัว จะทำให้พวกเขาได้แต่งงานกันเอง
ฉันเชื่อว่าคนเราต้องการคุณสมบัติบางอย่างถึงจะแต่งงานได้ค่ะ คนที่เข้ากันไม่ได้มาแต่งงานกัน มีแต่จะเป็นปัญหาสังคมซะเปล่า ๆ ค่ะ
นอกจากจะอยากเขกกะโหลกผู้ชายที่นางเอกมานัดบอดด้วยตอนแรกแล้ว ยังอยากจะปรบมือรัว ๆ ให้นางด้วยค่า เป็นชะนีที่ยอกย้อนเก่งมาก 555 ทำเอาผู้จอมมั่นนั่งหน้าเอ๋ออ้าปากค้างไปไม่เป็นเลย เจอกันแค่ 30 นาที ร่ายยาวไปยันเรื่องแต่งงาน แถมยังล้ำเส้นไปพูดเรื่องเงิน วิจารณ์เรื่องหน้าที่การงานของผู้หญิงเขาอีก ก็ไม่แปลกที่นางเอกจะยกเรื่อง “คุณสมบัติ” ของการแต่งงานมาพูด ถึงนางจะพยายามทำให้หมอนั่นเข้าใจว่าคุณสมบัติที่มีไม่พอจะแต่งงานเป็นตัวนางเอง แต่คนดูสุดแสนจะฉลาดและปราดเปรื่องอย่างพวกเรา มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่านางว่าแดกหมอนั่น 555 อย่างน้อยก็คุณสมบัติความเป็นสุภาพบุรุษธรรมดา ๆ ก็ไม่ผ่านแล้ว
จริง ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ก็เล่าถึงประเด็นการแต่งงานแบบตรง ๆ เลยล่ะนะ แบบว่ามันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีคุณสมบัติอะไรมากมายที่คน 2 คนจะแต่งงานกันได้ หรือแค่คน 2 คนรักกันก็พอแล้ว (อันนี้ไม่รู้นะ ต้องใช้วิจารณญาณกันเอง 555) เพราะตัวซีรีส์ก็จั่วเรื่องย่อมาแรง ๆ เลยว่าพระเอกเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่มีคุณสมบัติข้อไหนเหมาะแก่การแต่งงานเลย โดยเฉพาะสิ่งที่เห็นได้จากภายนอก ไม่หล่อ (มอบมงให้เกาหลีจริง ๆ ที่แต่คนหล่อให้ดูไม่หล่อได้) มีภาระเป็นเด็กแฝด 2 คนที่เป็นหลานอา แล้วไหนจะนิสัยเฉิ่ม ๆ เชย ๆ เด๋อด๋า ๆ แบบชาวเกาะ ลักษณะภายนอกแบบนี้ เห็นครั้งแรกก็ไม่สร้างความประทับใจให้ใครอยากแต่งงานด้วยหรอก
แต่ ๆ ตัวเขาดันเป็นมนุษย์ประเภทที่น่ารักไง หมายถึงนิสัยน่ารัก มีน้ำใจ จริงใจ เป็นมิตร ชอบช่วยเหลือคนอื่น เข้ากับคนง่ายทุกเพศทุกวัย และถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาขายขำเก่งมาก 555 เขาถึงได้เป็นที่รักของคนทั้งเกาะ และเมื่อไรที่เขาแสดงความน่ารักออกมา ถึงสภาพภายนอกเขาจะดูไม่มีอะไรดึงดูดสาวได้เลยก็เหอะ แต่ก็ดันตกสาวได้ด้วยความจริงใจที่เขามีนั่นแหละ ทำสาวหลงจนตามถึงหน้าประตูบ้านไปเลย แล้วแบบนี้ในท้ายที่สุด นี่จะกลายเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เขาได้แต่งงานหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่เป็นปัญหาสังคมแน่นอน ถ้าคู่พระเอกนางเอกลงเอยกันน่ะนะ เพราะเขาดูเข้ากันได้จริง ๆ
ตอนนี้ฉันทำงานเป็นข้าราชการปีสอง ระดับเจ็ด ฉันใช้ชีวิตด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด แต่ฉันไม่ได้จะแต่งงานหรือมีลูกสักหน่อย
ถ้าไม่นับเหตุการณ์แฟนเก่าที่นางเอกเคยเจอมา พยายามถอยออกมาจนเข้มแข็งและตั้งเป้าหมายชีวิตที่จะอยู่เป็นโสดล่ะก็ เรื่องหน้าที่การงานก็คืออีกปัจจัยสำคัญที่คนเราต้องพิจารณาเมื่อจะแต่งงานหรือมีลูกเลยล่ะ ซึ่งจริง ๆ มันอาจจะย้อนกลับขึ้นไปตอบคำถามที่ถามไว้ในประเด็นก่อนหน้านี้ก็ได้นะ ว่าถ้าไม่พิจารณาคุณสมบัติอะไรเลย แค่คน 2 คนรักกัน มันเพียงพอหรือยังกับการที่จะแต่งงานกัน ส่วนตัวนางเอก พอเจอเรื่องนั้นมา เธอก็พยายามถอยห่างจากอดีต แล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยอาชีพข้าราชการ ที่ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะน้อย แต่ก็มั่นคง อายุเกษียณกับเงินบำนาญก็ถูกกำหนดไว้ตายตัว เธอรู้เงื่อนไขนี้ดี เธอจึงวางแผนจะใช้ชีวิตหลังเกษียณและเงินบำนาญ ด้วยการไปอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สมมติว่าเธอทำทุกอย่างได้ตามแผน ชีวิตไม่เจอพระเอก แค่ออกเดตและมีความรักธรรมดา ๆ โดยไม่ได้ตกลงปลงใจจะแต่งงานกับใคร ไม่มีลูก ชีวิตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จนถึงช่วงเกษียณ และได้ออกเดินทางไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจริง ๆ แบบที่ต้องการ ชีวิตนางก็คงจะมีความสุขมากนะ ถึงเงินเดือนจะน้อย แต่ถ้าวางแผนการใช้เงินดี ๆ หรือมีวินัยทางการเงินเพื่อชีวิตหลังเกษียณ เป็นอะไรที่ลอยลำมาก ๆ อะ กินคนเดียวใช้คนเดียว ไม่มีภาระอื่นจากการแต่งงานและมีลูก ทำไมจะไปไม่รอด แล้วเดี๋ยวอยู่ต่อไปจนถึงวัยเกษียณ ยังไงเดี๋ยวก็ได้เลื่อนขั้น ได้อัปเงินเดือน ถึงเงินจะยังไม่เยอะอยู่ดี แต่ก็เชื่อว่าคงไม่ลำบากอะไรอยู่แล้ว
ส่วนตัว ไม่รู้สึกว่านางพูดด้วยความรู้สึกน้อยใจอะไรนะ เพราะนางก็ดูมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ดี นางพอใจกับชีวิตที่ปิดท้ายแต่ละวันด้วยเบียร์สักกระป๋อง ในอะพาร์ตเมนต์แสนสงบสุข และมีความสุขกับชีวิตโสด ได้ลองทำอะไรที่อยากทำตามจังหวะของตัวเอง ตามที่นางเห็นสมควร เป็นชีวิตที่โฟกัสแค่กับตัวเอง ฉะนั้น แม้ว่าเงินเดือนจะน้อย แต่ถ้าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ ไม่เดือดร้อน นางก็ไม่จำเป็นต้องซีเรียสอะไรเลย นั่นแหละ เพราะนางไม่ได้คิดจะแต่งงานหรือมีลูกซะหน่อย เลยไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งปั๊มเงิน หรือพยายามหาเงินตัวเป็นเกลียว แต่นะ ไม่รู้ว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศเขาจะมองออกไหมว่ามันเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้หนุ่มสาวยุคใหม่ครองตัวเป็นโสด ไม่มีลูกจนประชากรลดน่ะ
เราแค่สื่อความหมายไม่เหมือนกันน่ะครับ
ถ้าถามว่าชอบซีนไหนที่สุดในเรื่องนี้ที่ปล่อยสตรีมมาได้ 3 ตอน ก็ถ้าไม่นับการขายขำพร่ำเพรื่อเวอร์ของพระเอก (แต่ชอบนะ ความยิ้มตาหยีจนตาเป็นสระอิเนี่ย มีเสน่ห์น่ารักดี) ก็น่าจะเป็นซีนที่นางเอกชวนพระเอกไปกิน “อาหารทำเอง” ที่ร้านของเพื่อนในท้ายอีพีที่ 2 เหมือนนั่งคุยปรัชญาชีวิตกันเลย ปรัชญาที่ว่าด้วย “ความรัก” กับ “อาหารทำเอง” ซึ่งมันค่อนข้างสื่อถึงใจความหลักของเรื่องได้เป็นอย่างดีเลย แล้วพอคิดตามมันก็ชวนให้อินตามได้จริง ๆ ถึงมันจะแอบเข้าใจยากอยู่หน่อย ๆ ก็เหอะ
เริ่มที่พระเอก เขานิยามการแต่งงานของตัวเองว่าเป็นอาหารทำเอง ส่วนคู่เดตคนแรกของพระเอก เธอเป็นเจ้าของร้านอาหาร นั่นหมายความว่าเธอมีความผูกพันลึกซึ้งกับอาหารของเธอ ดังนั้น เธอเองก็ตามหาผู้ชายที่เป็นเหมือนอาหารทำเองเหมือนกัน ส่วนนางเอก ถึงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเดตครั้งนี้โดยเป็นเพียงแค่ผู้สนับสนุนก็ตาม แต่เธอก็มีอาหารทำเองในความหมายของตัวเองเช่นกัน ทว่าทั้ง 3 คน กลับนิยามความหมายของ “อาหารทำเอง” ออกไปแตกต่างกัน ทำให้เห็นว่าถึงความรักของทั้ง 3 คนจะเป็นอาหารทำเอง แต่ถ้าพวกเขานิยามความหมายของมันไม่ตรงกันไม่สอดคล้องกัน พยายามหาจุดร่วมแล้วไม่ลงล็อก มันก็ดูจะเป็นความรักที่ไปกันไม่ได้
นางเอก นิยามอาหารทำเองว่าไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไรก็ตาม มันสำคัญแค่ว่าได้กินกับคนที่ตัวเองสบายใจด้วย โดยไม่ได้มีกฎว่าต้องกินที่บ้าน ส่วนพระเอก อาหารทำเองของเขาคือสิ่งที่เห็นได้ในชีวิตประจำวัน มื้ออาหารที่สบายใจที่จะกินกับใครก็ได้ ส่วนคู่เดตของพระเอก นิยามอาหารทำเองว่าเป็นมื้ออาหารที่ทำเป็นพิเศษเพื่อคนพิเศษ เอาล่ะค่ะคุณผู้ชม คุณเห็นอะไรไหมคะ การนิยามความหมายของ “อาหารทำเอง” ของพระเอกและคู่เดตที่ไม่เหมือนกัน แต่ดันคล้ายกับนางเอกซะงั้น การสื่อความหมายที่ไม่เหมือนกันของพระเอกและคู่เดตของเขา ทำให้พวกเขาไม่ได้ไปกันต่อ และตกลงกันว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน
สรุปก็คือ Marry You คือซีรีส์ฟอร์มเล็ก แนวรอมคอมดูเพลิน ๆ ที่ย่อยง่าย ดูง่าย เบาสมอง และไม่มีอะไรชวนปวดหัว ไร้ความ toxic เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี แค่หลาน 2 หน่อของพระเอกก็ชวนอมยิ้มแล้ว เจอสารพัดมุกขายขำของพระเอกเข้าไปอีก แม่เจ้าโว้ย! ขำจนเหนื่อย ใครที่หาอะไรเบา ๆ ดูช่วงนี้ และเน้นความฮาหน้าพระเอกเป็นพิเศษ สามารถแวะมาพักใจที่เรื่องนี้ได้เลยนะ เครียด ๆ อยู่ เห็นหน้าพระเอกแล้วจะล่าแบ้ ถ้าปวดหัวอยู่ก็จะหายปวดหัวเลย ขำจนปวดท้องแทน สงสาร “อีอีคยอง” เหมือนกันนะ ส่งบทพระเอกมาให้ทั้งทีก็ดันไม่ยอมให้ขายหล่อ แควนชาน้า! ไม่ได้มาเล่น ๆ ดังก้องอยู่ในหัวสืบไป 🤵♂️