เมื่อเจ้าของหลงรัก “รถ” ตัวเอง

วันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. เพิ่งจะผ่านไปหมาด ๆ การให้ความรักแก่บุคคลรอบข้าง รวมถึงสัตว์เลี้ยงหรือกระทั่งสิ่งของที่ไม่มีชีวิต ล้วนเป็นสิ่งปกติที่เกิดจากความรู้สึกของมนุษย์ทุกคนครับ ฉะนั้น เพื่อเป็นการเก็บตกสัปดาห์ของวันแห่งความรัก ลองมาดูกันสักหน่อยครับว่าคุณมีความรักกับ “รถ” ของคุณมากน้อยแค่ไหน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า “รถ” ที่ผมเอ่ยถึงนี้ คือ รถที่คุณนั้นใช้งานในชีวิตประจำวัน อาจเป็นรถที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง อาจเป็นรถที่ได้รับมรดกตกทอดมา หรือเป็นรถประจำตำแหน่งที่ได้มาขับแบบไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ แต่เชื่อได้เลยครับว่าไม่ว่าที่มาของรถจะเป็นแบบไหน คุณย่อมมีความรักกับรถคันนั้น ๆ แน่นอน

สมัยเด็ก ๆ เวลาคุณพ่อผมซื้อรถคันใหม่มาจอดที่บ้าน ผมเห็นพ่อนั่งมองรถคันนั้นด้วยท่าทางมีความสุข ถึงขนาดที่วันว่างบางวันคอยเช็ดเช้า-เช็ดเย็น ทั้งที่ไม่ได้ขับออกไปไหน (ฮา ๆ) นั่นแหละครับคือความรู้สึกที่เรารักของที่เราได้มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ต่างจากบางคนที่ซื้อกระเป๋าหรือของใช้มาสักชิ้น แล้วนั่งมองมันด้วยความสุข

ส่วนในยุคนี้เป็นยุคที่ใคร ๆ ก็ต้องมีช่องทางโซเซียลเป็นของตัวเอง ไม่แปลกนะครับ หากใครที่ชอบถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงโซเชียล ยิ่งเวลาขับรถไปที่สถานที่ที่วิวสวย ๆ สถานที่ไกล ๆ การถ่ายรถเรากับวิวสถานที่นั้น ก็ช่วยบันทึกความทรงจำได้เช่นกัน และเป็นการแสดงความรักกับรถคันนั้น ๆ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

หรือบางคนอาจตั้งชื่อให้กับรถของคุณ แน่นอนว่า เรามักจะตั้งชื่อโดยเรียกว่า “น้อง” เป็นส่วนใหญ่ อย่างมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีแดง มรดกคันแรกจากที่บ้านที่ผมใช้หัดขับรถครั้งแรกก็เรียกมันว่า “น้องแดง” และจะต้องพูดกับมันทุกครั้ง เวลาขับ ๆ ไปแล้วเริ่มที่จะมีอาการไม่ดีว่า “อย่าเพิ่งมาเป็นอะไรนะลูกกก” ประมาณนั้น

ขณะที่บางครั้งที่เราต้องขับรถไปจอดในที่ที่ไม่คุ้นเคย มักจะมีความระแวงตลอดเวลาว่ารถจะเป็นอะไรไหม บ่อยครั้งครับเวลาไปจอดซ้อนคัน หรือจอดในที่ที่ไม่เคยไป ก็มักจะต้องเดินออกมาดูว่ารถยังอยู่เรียบร้อยดีไหม หรือมีที่จอดที่ดีกว่าไหมก็ขยับเข้าไปจอดแทน หรือกระทั่งเวลาจอดรถตากแดด คุณเคยบ่น “สงสารรถ” กันบ้างไหมล่ะครับ

สิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถทุกคนเอาใจใส่รถของตัวเอง สังเกตง่าย ๆ ครับ ในการขับปกติ เราจะไม่มีการขับแบบลากรอบสูง ๆ คิกดาวน์แรง ๆ เหมือนกับรถที่เราได้รับมาทดสอบแน่ ๆ หรือไม่ใช่เบรกแบบหัวทิ่ม เพราะเรารู้ว่ามันจะทำให้รถมีการเสื่อมสภาพเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย หรือหากรถของเรามีอาหารผิดปกติใด ๆ ขึ้นมา อาทิ ไฟโชว์ คนรักรถร้อยทั้งร้อยจิตใจไม่เป็นสุขแน่นอน

อย่างแรกคือเราจะกังวลว่ารถจะเป็นอะไรหนักกว่านี้ไหม และจะดิ้นรนหาทางซ่อมให้มันหายขาดให้ได้ รถของบางคนไฟโชว์แบบไม่มีสาเหตุ และสามารถขับได้ปกติ แต่คนที่เป็นเจ้าของย่อมไม่สบายใจแน่นอนครับ ซึ่งมันต่างจากรถที่เรายืมมาทดสอบ เพราะเรารู้ว่าเมื่อถึงเวลาเราก็เอาไปคืน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเอาใจใส่รถของเราเองมากกว่

หรืออย่างกับค่ายรถบางยี่ห้อที่มีการนำรถมือสองไมล์น้อยมาขายเป็นรถมือสอง เท่าที่รู้มาส่วนใหญ่จะเป็นรถผู้บริหารของหน่วยงานต่าง ๆ ครับ ซึ่งคนที่จะซื้อมือสองก็คือผู้บริหารคนนั้น ๆ ที่คลุกคลีกับรถคันนั้นมา และรู้ว่ารถคันนี้ขับเป็นอย่างไร ซึ่งในช่วงที่เป็นรถประจำตำแหน่ง แม้จะไม่ต้องซื้อเอง แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้รถกันแบบทะนุถนอมไม่ต่างจากรถของตัวเอง

ผมจำได้แม่นว่ารู้สึกใจหายไม่น้อย ในวันที่มีคนมาซื้อรถคันเก่าที่บ้าน แล้วยืนมองผู้ซื้อค่อย ๆ ขับจากไป ซึ่งทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมา มันคือความรักต่อรถของคุณ บางคนอาจจะทำไปแบบไม่รู้ตัว แต่นั่นแหละครับแสดงว่าคุณรักและใส่ใจรถของคุณจริง ๆ แฮปปี้ วาเลนไทน์ ย้อนหลัง แล้วพบกันสัปดาห์หน้าครับ