สิ่งเดียวที่จะสู้กับ AI ได้คือ “ความคิดสร้างสรรค์”

ตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นมา ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ถูกพูดถึงในแทบทุกวงการ โดยเฉพาะแวดวงผู้ผลิตสื่อ หรือเนื้อหาที่ AI ได้ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงภาพในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ การถ่ายภาพ ไปจนถึงการสร้างสรรค์งาน ที่ในอดีตอาจต้องใช้เวลานานนับสัปดาห์ กลายเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง จากแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยปัญญาประดิษฐ์

และที่น่าสนใจมากเห็นจะเป็นความคิดเห็นจากอดีตซีอีโอของ DreamWorks อย่าง เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ที่กล่าวถึงการใช้ AI ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์แอนิเมชันในงานสัมมนาที่สิงคโปร์ ซึ่งจัดโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า “AI จะเขย่าวงการแอนิเมชันในไม่ช้านี้ และน่าจะทำให้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์แอนิเมชันต้องตกงานจำนวนหลายล้านราย”

แค่อ่านจากข่าวก็รู้สึกตกใจแล้วนะคะ เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์แอนิเมชันนั้น นอกจากมีมูลค่าหลายล้านบาทแล้ว คนที่ทำงานในแวดวงนี้ก็มีจำนวนไม่น้อย เพราะในอดีตนั้นเมื่อจะสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันสักหนึ่งเรื่องนั้น ต้องใช้ศิลปินในการสร้างงานอย่างน้อย 500 ชีวิต และใช้เวลาถึง 5 ปีในการสร้างภาพยนตร์ในระดับเวิลด์คลาส

ทีนี้ ในบางช่วงบางตอน แคตเซนเบิร์ก ได้กล่าวถึงอนาคตอันใกล้ที่จำนวนแรงงานในวงการน่าจะถูกลดลงว่า “AI จะเข้ามาช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน จำนวนคนที่ทำงาน และระยะเวลาในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันหนึ่งเรื่องจะลดน้อยลง ซึ่งน่าจะได้เห็นกันในปีหน้าอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ แต่อีก 3 ปีหลังจากนี้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นครั้งใหญ่กับตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์แอนิเมชัน”

เอาเข้าจริงแล้วสิ่งที่ แคตเซนเบิร์ก กล่าวในงานที่สิงคโปร์ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไร เพราะความเปลี่ยนแปลงด้วยการใช้ AI นั้นมีพัฒนาการมาเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับที่อดีตซีอีโอของ DreamWorks ที่มองเห็นว่า “การผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันสักเรื่องจะเริ่มต้นจากปากกา แล้วก็ไปสู่ Paintbrush จากนั้นเข้าสู่กระบวนการพิมพ์ ไปสู่ภาพนิ่ง แล้วก็จบที่กล้องถ่ายภาพยนตร์ กระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ คือการเชื่อมต่อและทำให้เรื่องราวได้ถูกถ่ายทอดลงสู่ แผ่นฟิล์ม”

แน่นอนว่าการเข้ามาของ AI จะช่วยสร้างเครื่องมือ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการถ่ายทอดเรื่องราวและลดขั้นตอนการผลิต อันส่งจะทำให้เนื้อหาอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าสนใจหากแต่ติดขัดเรื่องเวลา จะมีโอกาสถูกถ่ายทอดลงสู่แผ่นฟิล์ม มากขึ้น

หากปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระยะเวลา 3 ปีอย่างที่ แคตเซนเบิร์ก กล่าว นั่นหมายความว่าจะมีคนนับหมื่นที่ต้องตกงาน แต่ในขณะเดียวกัน เนื้อหาที่จะถูกป้อนสู่ตลาดแอนิเมชันก็จะขาดแคลน ซึ่งนั่นหมายความว่าในอนาคตอันใกล้ ความคิดสร้างสรรค์คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว AI เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการผลิต หากแต่จะเกิดผลผลิตได้ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ก่อนว่าจะนำเสนอเรื่องราวอะไร และเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบจะเป็นเช่นไร

โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนะคะ นับตั้งแต่ยุค Post Covid เป็นต้นมา หากคุณยังย่ำอยู่กับที่ ไม่คิดเปลี่ยนแปลงทั้งทัศนคติ วิธีคิด โอกาสที่จะได้รับก็จะน้อยลง ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ การปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง และ พิจารณาโลกอย่างที่มันควรจะเป็น คุณจะไปได้เร็วกว่าคนอื่น

แต่ถ้าคุณมาจากยุคแอนะล็อก ทางที่ดีที่สุดคือปรับประสบการณ์และความสามารถในอดีต มาใช้กับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะโครงสร้างการทำงานไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่เปลี่ยนคือ “เครื่องมือ” หากนำมาปรับใช้กับสังคมที่ก้าวเข้าสู่ยุค AI รับรองได้ว่าคุณไม่มีวันตกจากขบวนรถไฟในศตวรรษที่ 21 อย่างแน่นอน

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างมาเพื่อให้สู้เพื่อความอยู่รอดนะคะ ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เราไม่มีเขี้ยวเล็บไว้ต่อสู้กับสัตว์ร้าย ไม่มีขนปกคลุมเพื่อป้องกันความหนาว ไม่มีปีกเพื่อบินได้เหมือนนก ไม่มีขาที่วิ่งได้เร็วเหมือนเสือชีต้า แต่มนุษย์มีสมองอันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และดำรงเผ่าพันธุ์อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้…ใช้มันเพื่อให้คุณเป็นผู้รอดค่

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า