เมื่อบอลโลก..จะไปซาอุฯ

พาดหัวแบบนี้แล้วนึกถึงเพลง “พี่แอ๊ด คาราบาว” ในอดีตขึ้นมาทันทีเลยเชียว เมื่อได้ข่าวว่า ซาอุดีอาระเบีย “พี่เบิ้ม” แห่งตะวันออกกลาง กำลังจะได้สิทธิ์จัดการแข่งขัน “เวิลด์คัพ 2034” เพราะออสเตรเลีย ชาติคู่แข่งประกาศถอนตัวตั้งแต่ระฆังการต่อสู้ยกที่ 1 ยังไม่ทันดังเสียด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับบรรดาชาติจากอาเซียนจะพยายามจะรวมตัวกัน 10 ชาติก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

งานนี้ จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า ออกมายืนยันว่า โรด ทู ซาอุ 2034 คงจะไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น สะดวกโยธินเพราะไม่มีคู่ต่อสู้เหลือเลยแม้แต่ชาติเดียว อีกอย่างเรื่องของความพร้อมความเหมาะสม ก็คงไม่มีใครกล้าโต้แย้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินลงทุน, คุณภาพของลีก, คุณภาพของทีมชาติ เปรียบเทียบกับกาตาร์ ซึ่งเล็กกว่าเป็นไหน ๆ ยังจัดมาแล้ว

ใจจริงฟีฟ่าคงอยากจะไฟเขียวให้เศรษฐีน้ำมันชาตินี้ได้จัดตั้งแต่ปี 2030 เลยแหละ ถ้าไม่ติดว่าเป็นฟุตบอลโลกชาตกาล หรือครบ 100 ปีพอดิบพอดี ต้องการบรรยากาศเก่า รวมทั้งกาตาร์เพิ่งจะได้เป็นเจ้าภาพปี 2022 มันจะใกล้ชิดติดกันเกินไปสำหรับโควตาชาติจากตะวันออกกลาง เลยต้องเปิดทางให้ สเปน, โปรตุเกส และโมร็อกโก รวมทั้งปวงชาติจากอเมริกาใต้อย่าง อุรุกวัย, อาร์เจนตินา, ชิลี, ปารากวัย จัดเป็นบางนัด

ว่าไปแล้วช่วงนี้โลกกำลังอยู่ในช่วงไม่ปกติสุขเท่าไหร่ด้วย โรคระบาดเพิ่งจะหมดไป หันมองไปทางไหนก็มีแต่ความขัดแย้ง สงคราม และเศรษฐกิจตกต่ำ ดังนั้น จะหาประเทศไหนที่มีความพร้อม และมีอารมณ์ในการจัดอีเวนต์กีฬาใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีของ ซาอุดีอาระเบีย ชาติเก่าแก่ มหาอำนาจที่ร่ำรวยมาจากการค้าขายน้ำมันมานาน บวกกับนโยบายต้องการเปิดประเทศเพื่อรับนักลงทุน นักเดินทาง และนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือน จึงทุ่มเทเพื่อได้โอกาสจัดมหกรรมใหญ่ครั้งนี้

น่าเสียดายนิดเดียว ว่าพวกเขาไม่ได้ถูกเรียกเป็นชาติแรกในตะวันออกกลางที่มีสิทธิ์จัด ทั้ง ๆ ที่ความบ้าบอลก็ไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก แต่กลับถูกกาตาร์ปาดหน้าเค้กไปก่อน ดังนั้น ซาอุฯ จึงยอมไม่ได้

โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้นำประเทศผู้มีทรัพย์สินอยู่ราว ๆ 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ต้องแปลงเป็นเงินไทยให้มันวุ่นวาย เอาเป็นว่าโคตรมหารวย เคยเจียดเงินซื้อสโมสรนิวคาสเซิล ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษมาแล้ว แถมยังลงทุนเกี่ยวกับกีฬาเป็นว่าเล่น เอาแค่ฟุตบอลก็หว่านเงินดึงตัวซูเปอร์สตาร์จากทั่วโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เนย์มาร์, คาริม เบนเซม่า ฯลฯ ให้มาอวดฝีเท้าในลีกซาอุฯ จึงต้องออกโรงเป็นผู้นำในการชักจูงมหกรรมเวิลด์คัพกลับไปสู่แผ่นดินอาหรับอีกคำรบ

กว่าจะถึงปี 2034 มีเวลาอีกถึง 10 ปีเต็ม ๆ เศรษฐีน้ำมันชาตินี้น่าจะพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม อีกอย่างคือพวกเขาได้เห็นตัวอย่างของ กาตาร์ 2022 มาแล้วที่มีทั้งจุดดีและจุดด้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานในเกมของชาติเจ้าภาพเองซึ่งกาตาร์สอบตกอย่างสิ้นเชิง ซาอุฯ เองก็ต้องระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น

เรื่องสำคัญอีกประการ นั่นคือการตกลงกับฟีฟ่าและชาติสมาชิกเสียให้ดีก่อน ว่าจะเล่นเป็นฟุตบอลโลกฉบับฤดูร้อนหรือฤดูหนาว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเถียงกันให้ปวดตับ แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง “เงิน” แก้ไขได้หมด แต่ขอให้ป๋าจริง ๆ ไม่ใช่ไปแอบตืดในช่วงสุดท้ายแบบกาตาร์

ด้วยความเก่าแก่และวัฒนธรรมของ ซาอุฯ หวังว่าน่าจะทำให้ ฟุตบอลโลก 2034 มีมนต์ขลังไปอีกแบบหนึ่ง ให้ชาวโลกได้ชื่นชมความงามแบบเอเชีย

จนกว่าจะถึงวันนั้น…สวัสดีครับ.