แนวคิดของ “ตลาดสีเขียว” เกิดขึ้นครั้งแรกในยุโรปตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 จนแผ่ขยายไปทั่วโลก บนพื้นฐานแห่งสิทธิในการเข้าถึงอาหารที่ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ
รองศาสตราจารย์ ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาคุณภาพหลักสูตร และอาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เป็นผู้ชี้ให้เห็นว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน ซึ่งในฐานะนักวิจัยทางด้านประชากรศาสตร์ แม้ไม่ได้เป็นนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรง ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้
จากการศึกษากลไกทางสังคม สู่ทางออกในเชิงนโยบาย เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้เข้าถึงอาหารที่ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ “ตลาดสีเขียว” จึงเป็นทางเลือกของโลกยุคใหม่ที่น่าจับตาในขณะนี้ จากการลงพื้นที่ศึกษา “ตลาดสีเขียวต้นแบบ” ในประเทศไทยจนครบทั้ง 4 ภาค ได้นำมาสู่แนวทางการสร้าง “ตลาดสีเขียวเชิงรุก” เตรียมเสนอในเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติ ให้ชุมชนที่สนใจนำไปประยุกต์ใช้
หัวใจของ “ตลาดสีเขียว” คือความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่ง “ผลิตในชุมชน เพื่อคนในชุมชน” ซึ่งจะเป็น “ทางเลือก” และ “ทางรอด” ในวันที่โลกต้องเผชิญกับทุกวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาโรคระบาด ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ที่นำไปสู่วิกฤติการขาดแคลนอาหาร ซึ่งไม่ได้มาจากเพียงปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ “การมีส่วนร่วม” ของคนในชุมชนในการร่วมสร้างและบริโภค “ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์” ที่ปลอดจากสารเคมี ดีต่อสุขภาพกว่า “อาหารปลอดภัย” ที่อาจยังคงมีการใช้สารเคมี แม้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ด้วยกลไกแห่ง “โอกาส” ที่มาจากการระดมทรัพยากรที่พอเพียง และหลากหลาย โดยใส่ “มูลค่า” ซึ่งมาจากเงื่อนไขของ “การแลกเปลี่ยน” และ “การสร้างแรงจูงใจ” ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันที่เท่าเทียมในชุมชน ตาม “ทฤษฎีการแลกเปลี่ยนเครือข่าย” (Network Exchange Theory) ที่จะนำไปสู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบ
นอกจากนี้ ยังเป็นวิถีแห่งการสร้างความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเป็นการทำให้อาหารต้องผ่าน “การเดินทาง” น้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง และจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการขนส่งได้ต่อไป โดยที่ “ตลาดสีเขียว” ของแต่ละชุมชนจะมีการพัฒนาตัวเองอย่างเป็นพลวัต เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังสามารถขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ไปสู่นอกชุมชน หรืออาจถึงระดับส่งออกเพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศ ภายใต้การพัฒนามาตรฐานการผลิตตามศักยภาพที่แตกต่างกันไปของแต่ละชุมชน และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ ได้ให้มุมมองของการทำ “ตลาดสีเขียว” ในประเทศไทยให้เกิดความยั่งยืนว่า “ตลาดสีเขียว” อยู่ได้ด้วยกำลังซื้อจากผู้บริโภคที่มองสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ “คุณค่า” กว่าจะได้มาต้องใช้เวลาและกระบวนการที่พิถีพิถันอย่างไรให้ได้สินค้าที่ดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ
ซึ่ง “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” จาก “เกษตรเคมี” มาเป็น “เกษตรอินทรีย์” จะต้องใช้เวลาถึง 12-18 เดือน โดยจะต้องทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นได้ถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และจะยิ่งทำให้ได้เพิ่มการเข้าถึงมากขึ้นไปอีก หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการให้พื้นที่กระจายสินค้า
ภาพจาก สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ [email protected]