สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์ของนักแสดงและโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงในฮอลลีวูดอย่าง ปีเตอร์ ดินเคลจ เลยขออนุญาตเอามาเล่าให้คุณผู้อ่านได้ลองสำรวจตัวเองกันดูว่าเป็นคนที่มีโชคแบบ Lucky หรือ Fortunate คำสองคำนี้อาจมีความหมายภาษาไทยเหมือนกัน แต่ในบริบทการใช้คำว่า “โชคดี” นั้นต่างกัน
กลับมาที่บทสัมภาษณ์ของ ปีเตอร์ ดินเคลจ ซึ่งเจ้าตัวย้อนกลับไปถึงตนเองในยุค 80’s และบอกไว้ในบทสัมภาษณ์ว่า “ผมเกลียดมากเวลาที่มีคนมาพูดว่า ‘เป็นคนโชคดี’ คำว่าโชคดีคำเดียว เหมือจะด้อยค่าทุกความพยายามที่ผมทุ่มเทในการเป็นนักแสดง” ปีเตอร์ เล่าถึงความยากลำบากในอดีตของตนเอง ว่าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะจ่ายค่าที่พักในบรู๊กลิน แม้จะเป็นอะพาร์ตเมนต์ซ่อมซ่อ ไม่มีเครื่องทำความร้อน แต่ค่าเช่าก็ดูจะสวนทางกับรายได้ของเขาในเวลานั้น
ปีเตอร์ ในยุค 80’s นั้นยังต้องทำงานเพื่อแลกกับเงินในการเลี้ยงชีพ และพยายามทำความฝันในการเป็นนักแสดง หลังจากเรียนจบด้านการแสดงจากวิทยาลัยเบนนิงตัน ความที่รูปลักษณ์ภายนอกของ ปีเตอร์ ดินเคลจ นั้นเป็นชายร่างแคระ แม้จะมีฝีมือทางการแสดงขนาดไหน แต่โอกาสของเขาก็ยังไม่เปิด เจ้าตัวได้เล่าถึงความยากลำบากในการหาเลี้ยงชีพ และความพยายามที่ต้องรักษาตัวตนของตนเองในฐานะนักแสดงโดยไม่รับงานโฆษณา หรืองานที่เอาใจตลาด ซึ่งเล่นกับความตลกของคนแคระ
เมื่อต้องรับค่าแรงในฐานะตัวประกอบ และปฏิเสธงานที่นำเอาร่างกายมาเรียกเสียงหัวเราะ ดินเคลจ บอกว่ามันเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้น เวลาใครมาพูดว่าเขาเป็นคน “โชคดี” ก็เหมือนกับถูกถ่มน้ำลายรดหน้ากันเลยทีเดียว ทั้งนี้ปีเตอร์ บอกว่าเขาไม่ได้เป็นคน “โชคดี” เพราะโชคเดินมาหา แต่เป็นคน “มีโชค” เพราะเดินไปหาโอกาสด้วยตนเอง และมีโชคขึ้นไปอีกชั้นเมื่อคนเหล่านั้นเห็นในพรสวรรค์ที่เขามี
มาถึงบรรทัดนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไหมคำว่า Lucky ถึงใช้กับสิ่งที่ ปีเตอร์ ดินเคลจ ได้ประสบมาไม่ได้ คำตอบคือ Lucky แม้จะแปลว่าโชคดี แต่ก็เป็นโชคดีที่ไม่ต้องแสวงหา หากเกิดขึ้นโดยที่ตัวคุณไม่ต้องลงมือทำอะไร (by Chance) ในขณะที่ Fortunate เป็นความโชคดีที่ต้องแสวงหา (by Choice) คุณต้องลงมือทำเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่คุณต้องการ
ดังนั้น ปีเตอร์ ดินเคลจ ได้บอกผ่านบทสัมภาษณ์ของตนเอง ด้วยใจความเรียบ ๆ ว่า อย่าด้อยค่าฝีมือและความพากเพียรของเขา เพียงแค่เพราะคิดว่าเขา “โชคดี” และถ้าคุณผู้อ่านได้มีโอกาสย้อนกลับไปอ่านประวัติของ ปีเตอร์ ดินเคลจ จะพบว่าการเป็นชายร่างแคระและได้เติบโตจนไปถึงจุดสูงสุดของฮอลลีวูดได้นั้นไม่ง่ายเลย
บนโลกนี้มีคนอยู่สองประเภทค่ะ ประเภทแรกคิดแล้วลงมือทำ เพื่อพิสูจน์ว่าทำสิ่งที่คิดนั้นจะพาไปถึงเป้าหมายที่วางได้หรือไม่ ประเภทที่สองคือคนที่เอาแต่นั่งคิด แต่ไม่เคยกล้าที่จะลงมือทำ พอเห็นคนอื่นทำในสิ่งที่ตนเองคิด ก็มักจะพูดว่า “ฉันคิดมาก่อน ไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย” ไม่ต่างจากคำว่า Lucky และ Fortunate นะคะ เช่นนี้ก็ลองเลือกกันดูค่ะว่า คุณจะเป็นคนประเภทไหน
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ