HOME SCHOOL สถานที่สำหรับบุตรหลานที่คุณ “ไม่ต้องการ”

ภาพจาก FB: GMMTV

สักพักใหญ่ ๆ แล้วที่ไม่ได้ติดตามละครหรือซีรีส์ของฝั่งไทยเลย ซึ่งก็ต้องยอมรับตามตรงแหละว่าเป็นเพราะละครหรือซีรีส์ไทยไม่ค่อยถูกจริตเท่าไร ยกเว้นว่าเรื่องไหนที่ดูน่าดูมาก ๆ หรือไม่ก็ไว้ใจซีรีส์ของค่ายนั้น ๆ เป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว แบบนั้นก็จะเปิดใจดูไม่ยากเท่าไร ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ไถไอจีอยู่ ก็บังเอิญไปเห็นโพสต์ของนักแสดงชายสังกัด GMM คนหนึ่งที่กดติดตามไว้นานแล้ว ขึ้นภาพโปรโมตซีรีส์เรื่องใหม่ พอเห็นโทนหม่น ๆ ดาร์ก ๆ ของโปสเตอร์ ก็นึกถึงซีรีส์อีกเรื่องของค่าย The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์ ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วทั้ง 2 ซีซัน เลยลองไปหาเรื่องย่อมาอ่านคร่าว ๆ เอาล่ะ! เรื่องนี้มันก็น่าดูดีนะ

HOME SCHOOL นักเรียนต้องขัง โปรยไว้ว่าเป็นซีรีส์ที่ GMM ส่งมาเขย่าโสตประสาทคนดู ให้ได้สนุกลุ้นระทึกไปกับการเอาตัวรอดผ่านกฎเหล็กสุดเคร่งครัดของเด็ก ๆ HOME SCHOOL เจนฯ 6 ทั้ง 13 คน โดยบอกเล่าเรื่องราวการเอาตัวรอดของเด็กนักเรียนที่มีสถานะคล้ายนักโทษ ในโรงเรียนที่กลายเป็นที่คุมขัง ที่นี่มีกฎแปลก ๆ และข้อบังคับสุดโหดหลายข้อ ที่สำคัญ หากมีใครคนหนึ่งผิดกฎ คนที่เหลือต้องรับโทษด้วย ทำให้มันเหมือนกับซีรีส์ที่ตัวละครต้องหาหนทางเอาชีวิตรอดให้หลุดพ้นจากกรงขังสุดโหดนี้ ซึ่งไม่มีเด็กคนไหนรู้เลยว่าการเปิดเทอมครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

HOME SCHOOL คือโรงเรียนประจําทางเลือกใหม่ที่ตั้งอยู่กลางป่าที่ห่างไกลผู้คน ในทุก ๆ 3 ปี จะมีการสอบคัดเลือกนักเรียนเจนฯ ใหม่ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่โรงเรียนต้องการ รุ่นละไม่เกิน 13 คน เพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรพิเศษที่ไม่มีโรงเรียนไหนเคยมีมาก่อน หลักสูตรต่าง ๆ ของ HOME SCHOOL เข้มข้นพิเศษ ถูกออกแบบอย่างประณีตและมีหลักการ มุ่งเน้นที่จะพัฒนา แก้ไขเด็ก ๆ ทั้งสติปัญญา บุคลิกภาพ และทัศนคติ โดยเด็กทั้ง 13 คนต้องใช้ชีวิต เรียน กิน นอน และเอาตัวรอดใน HOME SCHOOL ให้ได้ตลอดระยะเวลา 3 ปี

ที่นี่มันคุก ไม่ใช่บ้าน

ถ้าจะว่ากันตามตรง อารมณ์ของ HOME SCHOOL ในเรื่องเนี่ยมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับโรงเรียนประจำประเภทโรงเรียนดัดสันดานสักเท่าไรหรอก สารพัดกฎเกณฑ์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกที่คุมขังนักโทษมากกว่าที่จะเป็นโรงเรียนสำหรับนักเรียน การที่โปสเตอร์โปรโมตจั่วหัวมาว่า “โปรดส่งบุตรหลานที่ท่าน ‘ไม่ต้องการ’ มาที่โรงเรียนของเรา” ก็คงไม่มีอะไรที่จะชัดเจนไปมากกว่านี้แล้วล่ะว่าที่นี่เป็นโรงเรียนดัดสันดานของเด็กที่พ่อแม่มองว่าเป็น “เด็กเหลือขอ” หรือ “เป็นภาระ” ที่จะต้องเลี้ยงดู

ภาพจาก FB: GMMTV

พวกเด็ก ๆ ก็คงคิดว่าการได้เข้าเรียนโรงเรียนสุดพิเศษนี้ มันคงจะให้ภาพของโรงเรียนประจําของเด็กบ้านรวย ที่มีความสะดวกสบายให้บริการทุกอย่าง ก็แหม! คติประจําโรงเรียนเขายังบอกเลยว่าการเรียนรู้ที่ดูแลเหมือนอยู่บ้าน” แต่ไหงบ้านมันถึงได้ผิดคาด โรงเรียนนี้กลับเหมือนคุก” สําหรับเด็ก ๆ มากกว่า ทั้งกฎข้อบังคับที่เคร่งครัด ไม่มีสิ่งอํานวยความสะดวก ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต เพื่อน ๆ จะต้องนอนพร้อมกัน ต้องตื่นพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน และถ้ามีใครทำผิดกฎ ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ

ประเด็นมันอยู่ที่ทำไมพ่อแม่แต่ละคนถึงกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะส่งลูกสาวลูกชายของตัวเองมาเข้า HOME SCHOOL ขนาดนี้ เรื่องยังไม่ได้เล่าย้อนว่าเด็กแต่ละคนมีวีรกรรมอะไรในอดีตที่ทำให้พ่อแม่ถึงขั้นยอมจ่ายค่าเทอมเป็นล้านเพื่อผลักภาระในการอบรมสั่งสอนพวกเด็ก ๆ พวกนี้ให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง แถมยังดูพออกพอใจที่จะต้องเป็นผู้เข้าสอบแข่งขันแทนบุตรหลานของตัวเองทั้งที่มันแปลก แต่ในท้ายที่สุด ช่วงสอบสัมภาษณ์แต่ละคนก็อ้างเหตุผลโลกสวยว่าอยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เหมือนกลัวว่าถ้าโรงเรียนรู้ว่าลูกตัวเองเป็นถึงขั้นไหนแล้วโรงเรียนจะปฏิเสธ

นี่ว่าเด็กหลาย ๆ คน พื้นฐานก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น (แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแผลงฤทธิ์อะไรตอนหลังไหม) มันก็เป็นความต่อต้านปกติของเด็กวัยนั้น ที่สำคัญ ก็เห็นได้ชัดอยู่ว่าที่พวกเด็ก ๆ มีพฤติกรรมแบบนี้ มันก็มาจากการเลี้ยงดูของคนเป็นพ่อเป็นแม่นั่นแหละ ตามสไตล์ของลูกคนมีอันจะกิน ค่อนข้างเชื่อว่าซีรีส์จะต้องเอาประเด็นที่พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบผิด ๆ หรือพ่อแม่รังแกฉันมาเล่นด้วยแน่ ๆ เด็กที่ถูกปล่อยปละละเลย เด็กขาดความอบอุ่น เด็กเลยพยายามเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ เด็กถูกปลุกปั้นมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก แล้วพอเด็กโตมาแบบลูกผีลูกคน จะเสียคนแหล่ก็ส่งเข้าโรงเรียนประจำ ให้เด็กมันเข้าไปลิ้มรสชาติชีวิตแบบที่ไม่เคยเจอที่บ้าน ชีวิตแบบที่พ่อแม่ไม่สามารถอบรมสั่งสอนได้

ภาพจาก FB: GMMTV

แต่ว่าเด็กนักเรียนของโรงเรียนนี้ก็ไม่ได้มีแค่เด็กเอาแต่ใจลูกคนรวยเท่านั้นนะ ยังมีเด็กอีกกลุ่มที่เป็นเด็กทุนเข้ามาร่วมเรียนด้วย ส่วนวิธีการเล่าเรื่องก็ตามสไตล์ของซีรีส์นักเรียนวัยรุ่นของค่ายนี้เลย จับเด็กที่มีความหลากหลายเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ค่อย ๆ ให้เด็กละลายพฤติกรรมแย่ ๆ ของตัวเอง แล้วในที่สุดก็สามารถเข้าร่วมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ได้ แน่นอนว่ามันก็ดูเหมือนจะดี แต่เบื้องหลังมันก็อาจมีความปรารถนาบางอย่าง ที่สุดท้ายแล้วแก๊งเด็กอาจจะรักและสามัคคีกลมเกลียวกัน แต่ก็กลายเป็นหมากบนกระดานของเกมการเมืองของพวกผู้ใหญ่ไปในตัว ค่ายนี้ไม่เคยให้เด็ก ๆ ลงเอยง่าย ๆ ด้วย

เพราะฉะนั้น มันก็เลยไม่แปลกที่เด็กพวกนี้จะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกขังคุกมากกว่าการมาเรียนหนังสือ ทั้งโรงเรียนที่อยู่กลางป่าเขา ไม่มีใครรู้ว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนบนแผนที่ หนีออกไปก็เจอแต่ป่า กฎข้อบังคับที่เข้มงวดชวนอึดอัด การเรียนการสอนแบบแปลก ๆ ที่ให้ทำอะไรแปลก ๆ เพื่อให้เด็กได้ตกผลึกจากกิจกรรมนั้น ๆ เอง ซึ่งบางคนก็ไม่ได้อยากจะมานั่งคิดวิเคราะห์ไงว่าผู้ใหญ่พยายามสอนอะไร เพราะพฤติกรรมของเด็กหลายคนก็ไม่น่าคบหา แถมยังไม่มีทีท่าว่าหลักสูตรดัดสันดานเข้มข้นนี้จะเปลี่ยนแปลงนิสัยเด็กกลุ่มนั้นได้ด้วย

ต่อจากนี้ไป พวกคุณคือบ้านของกันและกัน

เพราะไม่มีเด็กคนไหนคาดคิดว่าโรงเรียนที่พ่อแม่เสียค่าเทอมหลักล้านส่งเข้ามาเรียนจะมีสภาพเหมือนคุกขนาดนี้ ทุกคนเลยเริ่มเรียกร้องที่อยากจะกลับบ้าน บ้านที่นิยามความหมายกันไม่ถูกว่าคืออะไร อยากกลับไปหาพ่อแม่ คนที่จงใจเอาตัวเองมาทิ้งไว้ให้โรงเรียนดูแล และเป็นคนเซ็นยินยอมให้โรงเรียนจัดการดูแลชีวิตของลูกตัวเองไปเลยตลอด 3 ปีการศึกษา มันก็เลยมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยจะแคร์กฎเกณฑ์อะไรหรือเคารพใครหลบหนีออกจากโรงเรียน แล้วพอจะเดาได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ใช่! เพราะเป็นเพื่อนกัน ก็เลยต้องออกไปตามกันเองกลับเข้าโรงเรียน

มันเป็นวิธีการสอนในรูปแบบหนึ่ง ที่ว่าถ้าใครไม่ทำตามกฎ คนอื่นจะเดือดร้อนไปด้วย เพราะต้องรับผิดชอบร่วมกัน มาถึงตรงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่เกินความคาดหมายนะสำหรับซีรีส์ของค่ายนี้ ที่มันจะต้องมีเด็กอย่างน้อยที่สุด 2 กลุ่มเป็นตัวเดินเรื่อง กลุ่มหนึ่งเอาแต่ก่อปัญหา และอีกกลุ่มหนึ่งก็ต้องคอยแก้ปัญหา (มันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าพวกที่ก่อปัญหาจะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่สำเร็จ แล้วเพื่อนต้องมาช่วย) แล้วพวกผู้ใหญ่ก็จะพยายามหลอมหลวมเด็ก 2 กลุ่มนี้ให้เป็นหนึ่งเดียว ถ้าเป็นชีวิตจริงมันก็อาจจะไม่ยากเท่าไรหรอก แต่นี่มันละครไง มันมีพวกที่ก่อเรื่องแบบยันจบอยู่แล้ว

ภาพจาก FB: GMMTV

“เพราะมันคือหน้าที่ของพวกเธอที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของกันและกัน ในฐานะที่พวกเธอคือเพื่อนกัน” เหมือนจะเห็นแววความฉิบหายของเด็กกลุ่มปกติที่ไม่ก่อเรื่องแล้วใช่ไหม! (ตอนต่อ ๆ ไปคงได้เห็นกัน) ถ้าทุกคนต้องรับผิดชอบชีวิตของกันและกันในฐานะเพื่อน ทั้งที่แต่ละคนยังไม่มีความสนิทชิดเชื้อกันเลยสักนิดด้วยซ้ำ เด็กเวรกลุ่มที่ชอบก่อเรื่องมันก็ไม่ได้แคร์หรอกว่าทำให้เพื่อนร่วมรุ่นต้องเดือดร้อนเพราะตัวเองแค่ไหน แต่ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้เดินเรื่องเร็ว และเด็กพื้นฐานของเด็กบางคนก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เราก็จะค่อย ๆ ได้เห็นว่ามีเด็กบางคนที่ยอมลดความเห็นแก่ตัวลงมาเพราะเห็นแก่เพื่อนบ้าง ถึงจะยังมีนิสัยหยาบคายหรือไม่มีมารยาทอยู่บ้าง แต่ก็เห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น

แค่อีพีแรก เหมือนเด็กแต่ละคนจะเริ่มเห็นธาตุแท้ของกันและกันแล้วว่าเพื่อนที่ตัวเองต้องเชื่อใจว่าเป็น “บ้าน” พึ่งพาได้แค่ไหนในยามที่ตกที่นั่งลำบาก เพื่อนที่ดีก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีอยู๋วันยังค่ำ ถึงจะมีนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ไม่น่ารัก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่น่าคบ เพราะยังร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาแบบสะบักสะบอมได้ในที่สุด บทเรียนนี้จะทำให้ทุกคนได้จดจำว่าในโรงเรียนแห่งนี้ คนที่พึ่งพาได้คือเพื่อนเท่านั้น แต่ละคนจะเป็นบ้านของกันและกัน บ้านที่แปลว่ามิตรภาพที่ทุกคนจะต้องพึ่งพาอาศัยกันและไม่ทอดทิ้งกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

มนุษย์มันก็แบบนี้แหละ มีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เราต้องกล้าที่จะยอมรับในความผิดของตัวเอง

บทเรียนแรกของการพึ่งพาอาศัยบ้านที่เรียกว่า “มิตรภาพ” จบไป แต่เพราะว่ายังมีเด็กบางคนที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสำคัญของการมีเพื่อนที่ดี ยังคงเป็นคนเห็นแก่ตัวเต็มที่และพร้อมจะโยนความผิดของตัวเองไปให้เพื่อนเดือดร้อนแทน เกิดเป็นบทเรียนต่อมาที่วัดหัวใจกันไปเลยว่าแต่ละคนมีความซื่อสัตย์มากแค่ไหน เมื่อเด็กทุกคนได้ลูกเป็นไปเลี้ยงคนละตัว เงื่อนไขก็คือจะต้องเลี้ยงดูลูกเป็ดของตัวเองให้ดี และถ้าลูกเป็ดของใครป่วย บาดเจ็บ หรือตาย คนนั้นก็จะต้องถูกลงโทษ

เอาล่ะ เริ่มเดาสถานการณ์ออกแล้วใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างต่อจากนี้ จะบอกว่าอีพีสองทั้งอีพีเป็นอะไรที่คาดเดาได้แทบจะทั้งตอนเลยว่าล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมุกเพื่อนต้องไม่ทิ้งกัน เพื่อนต้องช่วยเหลือกันในบทเรียนแรกมันยังมีคนที่ยังไม่อินอยู่ คนที่เห็นแก่ตัว และคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง บทเรียนการเลี้ยงเป็ดจะช่วยให้เด็กแต่ละคนได้เห็นธาตุแท้ของเพื่อนร่วมรุ่นตัวเองมากขึ้นว่าคนบางคนสามารถเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจได้มากแค่ไหน เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ภาพจาก FB: GMMTV

ถ้าดูอีพีนี้จบ อยากให้ทุกคนได้ลองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าทำไมพ่อแม่ของเด็กพวกนี้ถึงเอาลูกตัวเองมาเข้าหลักสูตรดัดสันดานเข้มข้นนี้ ทั้งที่รู้ว่าลูก ๆ จะโดนอะไรบ้าง แต่กํยังพยายามสอบให้ผ่านเพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนที่นี่ หรือว่ามันจะเป็นการยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองว่ายังไงก็คงไม่สามารถที่จะเลี้ยงลูกคนนี้ให้เป็นผู้เป็นคนได้ ก็เลยตัดสินใจที่จะส่งมาโรงเรีนประจำให้ดัดนิสัยเป็นเวลา 3 ปี เพราะเชื่อมั่นว่าที่นี่จะทำได้ดีกว่าตัวเอง แล้วสุดท้ายตัวเองก็คาดหวังว่าจะได้ลูกตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นกลับคืนสู่อ้อมอกหรือเปล่า หรือจริง ๆ แค่จะปัดภาระให้พ้นตัว ในเมื่อตัวเองสอนไม่ได้ ก็ต้องให้โรงเรียนดัดสันดานจัดการไป เพราะสำหรับนิสัยของเด็กบางคน ที่นี่ดูจะเป็นคำตอบจริง ๆ

แม้ว่า HOME SCHOOL ดูจะเป็นคำตอบสำหรับเด็กนิสัยไม่ดีชนิดที่ยากจะรักษาให้หายเองได้ แต่ที่นี่จะเป็นคำตอบสุดท้ายหรือไม่นั้นก็ไม่อาจบอกได้เหมือนกัน นอกจากการอบรมสั่งสอนอย่างเคร่งครัด มันก็อยู่ที่จิตสำนึกและต่อมรู้ผิดชอบชั่วดีของแต่ละคนด้วยว่าจะซึมซับในสิ่งที่ถูกสอนไปมากแค่ไหน ซึ่งเท่าที่เห็นก็ดูจะมีตัวตึงสุด ๆ แค่ไม่กี่คนหรอก แต่ความน่าสนใจมันอยู่ที่เรื่องราวปริศนาระทึกขวัญที่เรื่องพยายามปูไว้มากกว่า ว่าสุดท้ายแล้วเด็ก ๆ พวกนี้ต้องเจออะไรที่โหดร้ายมากกว่าความรู้สึกว่าโดนขังคุกไหม แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนักเรียนรุ่น 4 ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนคนโปรดของเจ้าของโรงเรียน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับมานานแล้ว

รีวิวเรื่องที่ปล่อยออกมาให้เป็นน้ำจิ้มไป 2 ตอน บอกเลยว่าการสอนด้วยหลักสูตรต้องขังเนี่ยมันแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ความสนุกที่แท้คือการที่เด็กทุกคนได้ปล่อยธาตุแท้ของตัวเองออกมาทำร้ายและทำลายกันมากกว่า ไม่ว่าจะด้วยนิสัยส่วนตัว ฮอร์โมนตามวัย หรือหลังจากที่ได้ค้นพบว่าที่โรงเรียนแห่งนี้มีความลับที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ แสง สี เสียง ถือว่าคุมโทนดีตามมาตรฐานของค่าย โทนสีมืด ๆ หม่น ๆ มัว ๆ ทำให้รู้สึกได้ถึงความลึกลับน่ากลัว และถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องในตอนแรก ๆ คนดูจะพอเดาทางได้ถูกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่การค่อย ๆ เผยปมที่ซ่อนไว้ออกมาให้รู้ อันนี้สิน่าลุ้นกว่า มาตามดูกันว่าสุดท้ายพวกพ่อ ๆ แม่ ๆ จะได้ลูกของตัวเองกลับคืนไปแบบปกติหลังเรียนจบ 3 ปีหรือเปล่า⛓️