Battle for Happiness กำยาพารา ดูตัวมารดาฟาดกัน

ห่างหายจากซีรีส์แนวปวดประสาทกำกระปุกยาแก้ปวดไปนานมาก ๆ จนจำไม่ได้ว่าเรื่องล่าสุดคือเรื่องไหน แต่สัปดาห์นี้แหละ ความปสด. กำลังงจะกลับมา เพราะ Prime Video เปิดตัวซีรีส์ใหม่ที่ชื่อเรื่องเต็มไปด้วย “ความสุข” แต่ดูไปดูมาก็ยังหาความสุขไม่เจอเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน ดันมีกลิ่นตุ ๆ ของความประสาทกินตั้งแต่เห็นโปสเตอร์โปรโมต ร้อยทั้งร้อยของซีรีส์เกาหลีที่วางพล็อตเรื่องให้ผู้หญิงหลายคนที่มีความเป็น “แม่” ชิงดีชิงเด่นกัน เรื่องนั้นคนดูมีแววประสาทกินแน่นอน

Battle for Happiness เป็นผลงานที่ดัดแปลงจากนวนิยายสืบสวนดราม่าเรื่องดังของเกาหลี นวนิยายฉบับแปลภาษาไทยใช้ชื่อว่า ความสุขเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ นี่จึงกลายมาเป็นชื่อภาษาไทยของซีรีส์เรื่องนี้ด้วย นำเสนอเรื่องราวระทึกขวัญของแก๊งคุณแม่ผู้มีอันจะกินแห่งอะพาร์ตเมนต์ไฮเพรสทีจ (High Prestige) พวกเธอดูเหมือนแม่แก๊งเดียวกัน แต่จริง ๆ คือฟาดฟัน จิกกัด และแซะกันเอง แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่ออวดความสุขของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย พวกเธอทำทุกอย่างแม้กระทั่งครอบงำลูก ๆ ของตัวเองเพื่อให้ภาพที่ปรากฏบนโซเชียลดูดีมีความสุขและน่าอิจฉา

แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในคืนหนึ่ง มีคดีการเสียชีวิตปริศนาของคุณแม่คนหนึ่งในแก๊งคุณแม่ทั้งสาม ตัวซีรีส์เปิดเรื่องมาด้วยใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเลือด ใส่มุมกล้องดิ่งพสุธาของแฟลชไดรฟ์อันหนึ่งที่ตกลงไปในสวนหย่อมข้างอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งถ้าให้เดา ในนั้นน่าจะมีคำตอบของทุกปมที่เรื่องจะเล่าต่อจากนี้ไป ส่วนจะเล่าอะไรน่ะเหรอ นิยามสั้น ๆ ของเวอร์ชันนิยายบอกเราว่า “เราไม่จำเป็นต้องมีความสุขมากขึ้น ขอแค่ทำลายความสุขคนอื่นได้ก็พอ”

เรื่องนี้มีนักแสดงนำเป็นผู้หญิง 5 คน มีแก๊งแม่ 3 คนที่มีมิตรภาพจอมปลอมเชื่อมกันอยู๋จากการอยู่อะพาร์ตเมนต์เดียวกัน และลูกเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน ประกอบไปด้วยคุณแม่อินฟลูเอนเซอร์คนดัง ซูเปอร์มัมที่ดูสมบูรณ์แบบและน่าอิจฉาที่สุด คุณแม่ซีอีโอ เจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของกลุ่มคุณแม่ไฮโซ และคุณแม่น้องเล็กผู้มีภาพลักษณ์น่ารักเหมือนเด็กน้อย แต่เธอกลับเอาแต่พึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอด

ส่วนอีก 2 คนที่เหลือ คนหนึ่งคือเพื่อนเก่าผู้มีความหลังเลวร้ายร่วมกับหนึ่งในแก๊งคุณแม่ เธอไม่มีและไม่สร้างสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใคร เพราะความบาดหมางกับเพื่อนเก่าในวัยเด็กสร้างแผลไว้ หลังเกิดคดีปริศนา เธอกระโจนเข้าสู่วังวนของคุณแม่ไฮโซ เพื่อสืบหาความจริงที่ถูกซ่อนเร้น ส่วนอีกคน เป็นคุณแม่ที่ต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย ลูกสาวเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับลูกของแม่ ๆ คนอื่น แต่เธอกลับไม่ได้อยู่ในกลุ่มแก๊งอวดความสุขบนโซเชียลมีเดีย ด้วยเธอมีสถานะด้อยกว่าคนอื่น ๆ ถึงอย่างนั้น โซเชียลมีเดียก็เป็นเครื่องมือที่เธอใช้เพื่อเฝ้าติดตามคุณแม่คนอื่นอย่างใกล้ชิด

แม่อยากให้ลูกเล่นเป็นสโนว์ไวท์นะ ไม่สิ แม่จะให้ลูกได้เป็นสโนว์ไวท์ให้ได้

ซีรีส์แม่ ๆ ประสาทกินของแท้ จะต้องชิงดีชิงเด่นกันด้วยการโอ้อวดความสำเร็จของลูกตัวเอง ซึ่งเรื่องแนวนี้เกาหลีไม่เคยทำให้ผิดหวัง อาจจะเป็นเพราะว่าสังคมปกติของเขาน่ะการแข่งขันมันสูงมากอยู่แล้ว การมีต้นทุนมาก่อนในหลาย ๆ อย่าง จะทำให้เราเอื้อมคว้าความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีอะไรเลย แค่มีเงิน มันก็อาจร่นระยะทางของจุดเริ่มต้นให้สั้นกว่าคนอื่นได้ พ่อแม่สังคมไหนก็เหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น พ่อแม่ที่มีเงินก็มักจะซื้อโอกาส ซื้อความง่าย ซื้อความสบายให้ลูก ไม่อยากให้ลูกลำบาก ไม่อยากให้ลูกต้องพยายามเกินไปทั้งที่ไม่จำเป็น หลาย ๆ อย่างใช้เงินแก้ปัญหาก็จบ พวกเขาเข้าใจว่ามันคือต้นทุนที่จะทำให้ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ

และไม่ก็ไม่แปลกอีกแหละ พ่อแม่ที่ลงทุนกับลูกสูง ๆ ก็คงหวังที่จะโอ้อวดดอกผลที่งอกเงยจากการลงทุน ในที่นี่ก็คือความสำเร็จของลูกนั่นเอง ลองนึกตามง่าย ๆ นะ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่ถ้าคุณส่งลูกวัย 4 ขวบเศษเข้าไปเรียนโรงเรียนอนุบาลนานาชาติวันแรก พอลูกของคุณกลับมาบ้าน แค่พวกเขาท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ได้เรียนมาจากที่โรงเรียนเกิน 10 คำ คุณก็คงจะอัดคลิปนั้น และอัปโหลดลงโซเชียลมีเดียของตัวเองพร้อมกับแคปชันชื่นชมและภาคภูมิใจในลูก มันคือความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ได้อวดลูก เห็นว่าการลงทุนออกดอกออกผล ก็ที่ส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ก็เพื่อหวังให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้อยู่แล้ว อยากให้พวกเขาเก่งภาษาอังกฤษ ใช้ได้ ใช้เป็น บลา ๆ

ก็ไม่ใช่ว่าพ่อแม่จะหวังเกาะความสำเร็จของลูกเพื่อโอ้อวดให้ตัวเองมีหน้ามีตา ภาพลักษณ์ หรือได้รับการยอมรับซะทีเดียวหรอก พ่อแม่ส่วนใหญ่ลงทุนขนาดนี้ก็เพื่ออนาคตของตัวลูกนั่นแหละ การโอ้อวดความสำเร็จของลูกเพื่อเติมเต็มความสุขตัวเองมันแค่ผลพลอยได้ สุดท้ายแล้วถ้าลูกเติบโตไปเป็นคนดี คนเก่ง คนมีคุณภาพ คนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมันก็มาจากการปูทางของพ่อแม่ทั้งนั้น แต่…มันมีจริง ๆ นะพ่อแม่ที่ลงทุนกับลูกมหาศาล เพื่อหวังให้ความสำเร็จของลูกเป็นตัวชี้วัดทั้งความสุขและความสำเร็จของตัวเอง ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังทำลายลูกตัวเองทางอ้อม

แม่ ๆ ในซีรีส์เรื่องนี้แหละที่จะทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เปิดเรื่องมาแค่ 2 ตอน แต่เดินเรื่องแบบที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความอึดอัด มันดูเหมือนว่าชีวิตพวกเขาหรูหรามีความสุขดี ทั้ง ๆ ที่มีแต่ความย้อนแย้งเต็มไปหมด โดยเฉพาะสิ่งที่พวกเธอทำกับลูกของตัวเอง นี่ขนาดว่าปกติเป็นคนที่ไม่ชอบและไม่อินกับเด็กเลยนะ ทว่าการดูซีรีส์เรื่องนี้กลับทำให้รู้สึกสงสารเด็ก ๆ ขึ้นมาเฉย คือเด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ก็ดันกลายมาเป็นหมากบนกระดานให้แม่จับวางตรงนั้นทีตรงนี้ทีแบบที่แม่ต้องการ พวกเธอไม่เคยถามลูกเลยสักคำว่าลูกอยากทำอะไร ลูกอยากทำหรือเปล่า ไม่สนใจสิ่งที่ลูกอยากทำด้วย พวกเธอออกแบบชีวิตลูกให้ลูกทำนั่นทำนี่ เพื่อที่เธอจะได้มีรูปลูกโพสต์อวดในโซเชียล

มันเป็นซีรีส์ที่ทำให้คนดูอย่างเราสับสนขึ้นมาได้เลยนะว่าสิ่งที่แม่ ๆ ทำ พวกเธอรักลูกหรือรักตัวเองมากกว่ากัน คือพวกเธอก็แสดงออกให้เห็นนะว่ารักและหวังดีกับลูกมากจริง ๆ สัมผัสได้อยู่ อารมณ์คนเป็นแม่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนให้ลูกขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงที่สุด จุดที่เหนือกว่าคนอื่นให้ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดเหมือนกันว่าทุก ๆ การสนับสนุนของพวกเธอ พวกเธอก็หวังผลเรื่องภาพลักษณ์และหน้าตาของตัวเองแบบสุดทางเหมือนกัน สิ่งที่เธอเพียรทำให้กับลูก แท้จริงมันคือการแข่งขันกันว่าใครจะมีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าได้มากกว่า ใครจะมีชีวิตที่ (ดู) ประสบความสำเร็จได้มากกว่า ฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และเลวร้ายมากพอที่จะทำลายคนอื่นเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง

ตรงนี้แหละที่ชวนให้สงสัยว่าจริง ๆ แล้วพวกเธอรักลูกหรือรักภาพลักษณ์ของตัวเองกันแน่ การสนับสนุนความสำเร็จของลูก มันมีเบื้องหลังคือการที่พวกเธอแค่อยากถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดียให้คนอื่นอิจฉาชีวิตดี๊ดีของพวกเธอ แม่คนหนึ่งที่ไม่เคยถามลูกว่าอยากเล่นเป็นสโนว์ไวท์ไหม แต่เธอพยายามยัดเยียดให้ลูกเป็น ทีแรกเธอแค่แสดงความต้องการ “อยาก” ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดว่า “จะ” ให้ลูกเป็นให้ได้ เพราะบทสโนว์ไวท์เป็นบทนำ และเด่นมากพอที่จะกดลูกของคนอื่นให้ต่ำกว่า เธอจะใช้ประโยชน์จากการที่ลูกได้รับคัดเลือกให้เล่นเป็นสโนว์ไวท์ โพสต์เรียกชาวเน็ตให้มาเข้ามาชื่นชม แสดงความยินดี และร่วมภูมิใจกับลูกของเธอ (หรือความสำเร็จของเธอเองก็ไม่รู้)

ทุกคนต้องอิจฉามากแน่ ๆ ตอนที่แม่โพสต์ลงโซเชียลน่ะ

สงครามของแม่ ๆ ในซีรีส์เรื่องนี้ เป็นสงครามบนโลกออนไลน์ ทุกคนล้วนใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อ “อวด” ความสุขของตัวเอง มันเป็นการต่อสู้เพื่อความสุขของกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะมีความสุขพร้อมสรรพอยู่แล้ว แม่สามแม่ที่มีเบื้องหลังชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์สุดหรูราคาแพงหูฉี่ในย่านที่มีแต่คนรวย มีสามีเป็นบุคคลที่พึ่งพาและไว้ใจได้ (แหละ) และมีลูกที่น่ารัก พวกเธอส่งลูกเข้าเรียนชั้นอนุบาลภาคอินเตอร์ที่ดีที่สุด ชีวิตของพวกเธอไม่ได้ดูดีแค่ออฟไลน์ แต่ชีวิตออนไลน์ของพวกเธอก็น่าอิจฉา พวกเธอต่างมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก โพสต์อะไรก็มีคนเข้ามาชื่นชม เห็นไหม! ชีวิตพวกเธอดูมีความสุขออก

แต่แท้จริงแล้ว พวกเธอต่างก็รู้ ๆ กันว่าดีว่าความสุขพวกนั้นมันไม่พอ ดูเหมือนว่าความสุขของพวกเธอคือการชิงดีชิงเด่นกันว่าใครจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่ากันต่างหาก ความสุขของพวกเธอขับเคลื่อนด้วยความแรงปรารถนา ความอิจฉาริษยาที่ไม่มีใครยอมใคร ต่อหน้าเป็นกลุ่มคุณแม่ที่ใช้มิตรภาพฉาบหน้า สวมหน้ากากหนาเตอะยิ้มให้กันอย่างเสแสร้ง แต่ลับหลังต่างก็วางแผนที่จะทำลายกัน หักหลังกัน และอาฆาตเอาคืนกันชนิดที่ต้องตายกันไปข้าง พร้อมที่จะเชือดเฉือนและรุมทึ้งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จับกลุ่มนินทาเมาต์แตก ขุดคุ้ยเรื่องเสียหายที่จะทำลายกันให้ได้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเธอรู้สึกมีความสุขมาก ๆ และได้เหยียบย่ำแม่คนอื่นอย่างสะใจ คือการโอ้อวดลูกของตัวเองลงในโซเชียลมีเดีย พวกเธอต่างก็ใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความสุขให้ตัวเองและทำลายความสุขของคนอื่น แม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้รับบทสโนไวท์ ด้วยความหวังเพียงแค่ว่าเธอต้องการให้ทุกคนอิจฉาหลังจากที่เธอโพสต์ว่าลูกของเธอได้รับบทเด่น ความหมายโดยนัย ไม่ใช่การชื่นชม การแสดงความยินดี และภาคภูมิใจในความสำเร็จของลูก (ที่เธอจงใจจัดฉากขึ้นมาทุกอย่าง) แต่คือสารที่สื่อกับบรรดาแม่ ๆ คนอื่นว่า “ลูกของฉันเหนือกว่าลูกของพวกเธอ และฉันผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ก็คือคนที่มีความสุขมากกว่าพวกเธอทุกคน”

คุ้น ๆ ไหมกับพล็อตเรื่องประมาณนี้ นี่ว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำได้สมจริงเลยล่ะในความพยายามที่จะสะท้อนสังคมในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดีย เพราะมันตีแผ่นความจอมปลอม การสร้างภาพ การโป้ปดมดเท็จ และการซุกซ่อนอดีตที่เลวร้ายแและน่ารังเกียจของตัวเอง ฉาบหน้าด้วยชีวิตดี๊ดี ขี้อวด ชอบโชว์เพื่อต้องการให้คนเข้ามายกยอปอปั้นชื่นชม ทั้งที่รู้ ๆ กันดีว่าคอมเมนต์เหล่านั้นใช่ว่าจะจริงใจกันทุกคน มันก็แค่ละครฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นมิตรภาพที่เหนียวแน่น ต่อให้มีการจิกกัดกันไปมาก็หาแคร์ไม่ ช่วงหลัง ๆ มาก็ไม่ใช่แค่การนินทาลับหลัง เพราะการแซะกันต่อหน้าภายใต้หน้ากากแห่งรอยยิ้มมันสนุกกว่าเป็นไหน ๆ รอยยิ้มก็แค่ฉากบังหน้าที่ปิดบังว่าพวกเธอเตรียมฆ่ากันมากกว่า

หมุดหมายของซีรีส์เรื่องนี้จึงค่อนข้างชัดเจนว่าตั้งใจจะขายความจริงของสังคมยุคใหม่อย่างตรงไปตรงมา พฤติกรรมของผู้คนยุคโซเชียลเบ่งบานเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โซเชียลมีเดียกลายเป็นพื้นที่ที่ใช้อวดอ้างสำแดงความสุขแบบไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะการนำเสนอไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทุกที่ต้องมีกล้อง ภาพนิ่งบ้างวิดีโอบ้าง ทุกครั้งต้องได้ถ่ายภาพและโพสต์ลงโซเชียลให้คนอื่นอิจฉา เพราะผู้คนเข้าใจว่ามันคือความสุข เป็นความสุขที่เริ่มจะแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจจริง ๆ หรือการพออกพอใจกับความสุขจอมปลอมจากการที่ได้เป็นศูนย์กลางความสนใจ ความสุขจากความสำเร็จในการดึงดูดให้คนอื่น ๆ เข้ามาสนใจชีวิตของตัวเอง

พวกเธอกำลังเสพติดกับดักความสุขจอมปลอม พวกเธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่ามีผู้ติดตามเพิ่ม มีความสุขจากการได้เห็นยอดไลก์พุ่งกระฉูด มีความสุขที่ได้อ่านคอมเมนต์ชื่นชมทั้งที่ไม่รู้ว่าจริงใจแค่ไหน มีความสุขจากการเดินถือกล้องไลฟ์ไปทั่วทุกที่ ลูกวิ่งหกล้มจนได้แผล เธอยังไม่รู้เลยว่าแผลบนขาลูกได้มาตอนไหน ความสุขจากการได้เฝ้าดูทิศทางการเติบโตที่ดีของช่องทางโซเชียลมีเดีย ถึงขั้นที่ลูกเรียกหาก็ยังบอกลูกว่าเดี๋ยวก่อน แต่หงุดหงิดและเจ็บใจที่ไม่มีคนตอบหรือเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลังจากโพสต์อะไรบางอย่าง หรือจริง ๆ แล้ว การสร้างความสุขแบบฉาบฉวยบนโลกออนไลน์ มันคืออาวุธที่บั่นทอนและทำลายความสุขที่แท้จริง

มันไม่ยุติธรรมเลยที่เธอได้ใช้ชีวิตดี ๆ แบบนี้อยู่คนเดียว

ช้าก่อนสาว! รู้ไหมว่าทำไมความสุขบนโซเชียลมีเดียมันถึงถูกเรียกว่าความสุขจอมปลอม เพราะมันเป็นความสุขที่เรา “ต้องคัดเลือก” ที่จะ “แสดง” ให้คนอื่นเห็นไงว่าชีวิตฉันมีความสุขจนน่าอิจฉา ชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่น่าสมเพชเวทนาหรอก มีแต่เรื่องดี ๆ สำหรับบางคนนะ มีเงื่อนไขว่าจะต้องเลือกแค่ด้านบวก ด้านที่น่าชื่นชมเท่านั้นมาโพสต์ลงให้คนอื่นได้เห็นได้ชื่นชมกับความสำเร็จของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ซุกซ่อนด้านลบไว้ในใจ ทั้งยังคอยระแวดระวังไม่ให้ด้านลบหรือด้านทุกข์ของตัวเองหลุดออกสู่สายตาประชาชน ถึงมันจะมีคนประเภทที่จงใจใช้เรื่องน่าเศร้าน่าสงสารเพื่อเรียกร้องให้คนอื่นมาสนใจ โดยมีเป้าหมายเติมเต็มความสุขให้ตัวเองอยู่บ้างเหมือนกัน

ไม่ค่อยมีใครอยากจะแสดงด้านที่ไม่มีความสุขของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นบนโลกออนไลน์ที่มันสาธารณะหรอก แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีเลยว่าชีวิตดี๊ดีของคนที่อวดแต่ภาพด้านบวกของตัวเอง ว่าในใจของเขาจะมีความสุขที่แท้จริง ในเมื่อเขาไม่ได้บอกใครให้รู้ว่าตนเองกำลังเผชิญกับความรู้สึกทุกข์ทรมานอยู่ ต้องทำอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ ต้องแอบร้องไห้คนเดียว ต้องอยู่อย่างหวดระแวงคอยปกปิดอดีตที่ด่างพร้อยไม่ให้โป๊ะ โดยที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะถูกสาวไส้ออกมาเมื่อไร และจริง ๆ แล้วตัวเองไม่ได้มีความสุขแบบที่โพสต์ให้ใครต่อใครเห็นจริง ๆ ด้วยซ้ำ ทุกอย่างแค่ถูกจัดฉากขึ้นมา ซีรีส์เรื่องนี้ตีแผ่ความจริงให้เราเห็นภายใน 2 อีพีเท่านั้นเอง ว่าคนคนหนึ่งต้องพยายามหมดนี่มากแค่ไหน

มีหนึ่งในแก๊งคุณแม่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ยอดคุณแม่” เธอเป็นแม่ผู้มากความทะเยอทะยาน อยากโดดเด่น อยากมีความสุขเหนือใคร ๆ เธอพยายามใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบและมีความสุข เป็นแม่บ้านเต็มตัวที่มีสามีรวย ส่วนเธอก็เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง ใคร ๆ ก็พากันอิจฉาชีวิตที่ทำหน้าที่ภรรยาและแม่อย่างยอดเยี่ยม เธอมักจะโชว์ชีวิตดี ๆ และอวดความสุขของตัวเองอยู่เสมอ ผู้คนต่างพากันสงสัยว่าคนแบบเธอเนี่ย คือไม่มีชีวิตในอีกด้านบ้างเลยสินะ (ออกแนวชื่นชมและอิจฉา) ทั้งที่ความจริง เธอไม่ได้มีความสุขเท่าไรกับการที่ต้องคอยระแวงว่าจะมีใครรู้ความลับในอดีตเข้า

สิ่งที่ชาวเน็ตไม่รู้ก็คือ เธอนี่แหละเป็นผู้ที่จุดไฟในการ “ต่อสู้เพื่อความสุข” อย่างดุเดือด ชอบก่อประเด็นขัดใจกับอีกหลาย ๆ แม่ โดยเฉพาะเรื่องลูกของเธอที่ชอบโพสต์ไปในทางที่ว่าลูกของเธออยู่เหนือคนอื่น และพยายามทำอีกหลาย ๆ อย่างเพื่อให้ลูกตัวเองได้สิทธินั่นสิทธินี่ที่มันไม่ยุติธรรมกับลูกของคนอื่น สร้างเรื่องโกหกขึ้นมามากมาย จนตกเป็นเป้าของการนินทา ความหมั่นไส้ และความอิจฉาอย่างรุนแรงของแม่คนอื่น ๆ เมื่อเธอมักจะมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี

หรือเบื้องหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน น้ำเสียงที่นุ่มนวลฟังแล้วโน้มน้าวใจ ท่วงท่าที่สง่างามดุจนางพญา เธอซ่อนความลับบางอย่างที่ไม่เคยบอกใครเอาไว้ มันคืออดีตที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อนที่เธอพยายามปกปิดแล้วฝังลืม ในกระบวนการสร้างภาพหลอกลวง มีความจริงมากมายถูกบิดเบือน รวมถึงการพยายามที่จะอยู่เหนือคนอื่น ด้วยการเป็นผู้กุมความลับของเหล่าครอบครัวที่เธอมองว่าเป็นเสี้ยนหนาม ไม่ว่าจะด้วยตัวแม่ด้วยกันเอง หรือตัวลูกที่ชอบมาขัดแข้งขัดขา เจิดจ้าแข่งกับลูกของเธอ เธอทำมันได้ดีมาตลอด จนกระทั่งมีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น คนที่รู้อดีตของเธอ เพราะเคยมีประสบการณ์เลวร้ายร่วมกันมา ซึ่งเป็นปมหนึ่งที่เรื่องยังไม่เฉลยว่าในอดีตใครพยายามทำลายใครกันแน่

เหตุการณ์นี้ทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากที่เธอควบคุมทุกอย่างได้ ก็กลายเป็นว่ามีแต่เรื่องเหนือการควบคุม เธอแทบช็อกเมื่อคิดว่าทุกอย่างที่สร้างมาอาจพังทลายลงในพริบตา อดีตอันเลวร้ายที่เธอซ่อนไว้หลังความสุขอาจถูกเปิดโปง ถึงแม้เธอจะใจดีสู้เสือแต่เบื้องหลังเธอมีแต่ความหวาดกลัวและกังวลใจ ชีวิตดี ๆ ที่อีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอมี กลายเป็นความหวาดระแวงที่เธอต้องใช้พลังงานอย่างมากในการปิดบังความจริง ซึ่งยังไม่ทันจะได้ดำเนินการอะไรต่อ เนื้อเรื่องก็จัดการสังเวยชีวิตของหนึ่งในคุณแม่ให้เผชิญกับการตายปริศนาที่คาดไม่ถึง และกลุ่มคุณแม่ที่เหลือก็แตกเป็นสองฝ่าย คนที่ต้องการปกปิดความลับและคนที่ต้องการเปิดเผยความจริง

บอกเลยว่านี่เป็นซีรีส์ครอบครัวชวนปวดขมับแบบที่เราคุ้นเคยกันดีเชียว ความเน้นให้ตัวแม่ ตัวมารดา ตัวคลอดบุตรอะไรก็แล้วแต่มาฟาดฟันกันอย่างดุดันไม่เกรงใจใคร หอมกลิ่นปสด. อย่างแรง ชนิดที่ต้องเตรียมกระปุกพาราไว้รอ การเปิดชนวนด้วยคดีปริศนาจากเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญซึ่งเกิดขึ้นกับคุณแม่ มันทำให้อยากติดตามต่อไปจนจบ โดยมโนให้ตัวเองเป็นโคนันตามหาว่าใครฆ่าคุณแม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ แรงจูงใจที่เป็นเหตุให้ต้องฆ่าแกงกันคืออะไร นี่เดาว่าต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา และต้องหักมุมแบบทำคนดูเหม่อไปเลยแน่ ๆ 🩸