“ค่าเหยียบแผ่นดิน” ไม่ได้มีแค่ที่ไทย เที่ยวต่างประเทศก็ต้องจ่าย!

กลายเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาจนกระทั่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อได้ยินว่าประเทศไทยจะเรียกเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวบ้านเรา สื่งที่หลายคนคิดในเวลานั้น บ้างก็ว่าขูดรีดนักท่องเที่ยวเกินไป บ้างก็ว่าเรียกเก็บอะไรแบบนี้มันจะดีเหรอ เดี๋ยวนักท่องเที่ยวเขาก็ไม่ยอมมาเที่ยวกันพอดีเพราะรู้สึกว่าต้องจ่ายแพงขึ้น และอีกมากมายหลายอย่าง แต่แท้จริงแล้ว ค่าเหยียบแผ่นดินไม่ใช่เรื่องใหม่ของโลกใบนี้ คนที่เคยไปเที่ยวต่างประเทศก็จะทราบดี เพราะประเทศอื่น ๆ บนโลกอีกหลายประเทศเขาก็มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากนักท่องเที่ยวที่ก้าวเท้าเข้าไปเหยียบดินแดนของเขาเหมือนกัน

แน่นอนว่าสำหรับคนที่เพิ่งได้ยิน “ค่าเหยียบแผ่นดิน” เป็นครั้งแรกก็คงจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหม่ อีกทั้งการใช้ชื่อเรียกว่าค่าเหยียบแผ่นดินก็ยังแฝงไปด้วยน้ำเสียงและความหมายไปในทางลบเสียด้วย (ประมาณว่าเหยียบแผ่นดินก็ต้องจ่าย) ในช่วงแรกจึงกลายเป็นดราม่าขนาดย่อม ๆ ในช่องคอมเมนต์ของสื่อออนไลน์ต่าง ๆ จนกระทั่งชัดเจนว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกเขาก็เรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดินเหมือนกัน จึงได้เริ่มเบี่ยงเบนมายังประเด็นที่ว่าการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มเติม หน่วยงานที่รับผิดชอบจะนำเอาเงินส่วนนี้ไปใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ชี้แจงไว้ได้จริงเหรอ

ส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวเรื่องของการคอรัปชันในหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐที่แทบจะตรวจสอบไม่ได้ ทำให้หลายคนคิดว่าเงินที่เก็บมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะถูกนำมาใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ได้มากน้อยแค่ไหน จะคืนประโยชน์สู่แผ่นดินเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ หรือเปล่า เพราะถ้าหากสังเกตจากสาธารณูปโภครอบตัว เราแทบจะไม่เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่สื่อว่าการพัฒนาเข้ามาถึงแล้ว รวมถึงแทบไม่เคยได้สัมผัสกับรัฐสวัสดิการที่สมน้ำสมเนื้อจับต้องได้ หลายคนมองในแง่ลบไปจนถึงขั้นที่ว่ามันเป็นวิธีการหาเงินของรัฐที่กำลังถังแตกด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตาม เรามาดูกันว่าค่าเหยียบแผ่นดินคืออะไร และก่อนหน้าที่ไทยจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยเคยโดนเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้เวลาที่ไปเที่ยวที่ประเทศไหนบ้าง

ค่าเหยียบแผ่นดิน เงินที่ต้องจ่ายเมื่อเท้าเหยียบลงแผ่นดินประเทศไทย

“ค่าเหยียบแผ่นดิน” หรือ “ภาษีนักท่องเที่ยว” คือ ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทย เปรียบเสมือนค่าบัตรผ่านที่จะต้องจ่ายเพิ่มเติมนอกจากค่าใช้จ่ายปกติ จุดประสงค์ก็เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยวไทย โดยนำเข้า “กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ” ในการอนุรักษ์ พัฒนา และส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวไทย รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวนักท่องเที่ยวเอง

เนื่องจากข้อมูลในปี 2560-2562 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใช้บริการในสถานพยาบาลของรัฐ ทำให้รัฐมีค่าใช้จ่ายในการดูแลมากถึง 300-400 ล้านบาท การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจะถูกนำมาดูแลในส่วนนี้ด้วย โดยจะมีการทำประกันให้แก่นักท่องเที่ยว กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต จะได้รับวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท หรือค่ารักษาพยาบาล จะได้รับสูงสุด 5 แสนบาท ที่ผ่านมาเคยมีการแจกแจงการใช้เงินค่าเหยียบแผ่นดินจำนวน 300 บาท ต่อคนไว้ดังนี้

  1. เก็บ 50 บาท เพื่อนำไปซื้อประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
  2. ส่วนที่เหลือ 250 บาทนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

ซึ่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ หรือ ท.ท.ช. ให้สามารถเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการเข้าประเทศ จะจัดเก็บนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยต่อคนต่อครั้ง แบ่งออกเป็น

  • นักท่องเที่ยวที่เข้ามาโดยเครื่องบินจะต้องเสียคนละ 300 บาท
  • นักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางบกและทางน้ำจะต้องเสียคนละ 150 บาท
  • นักท่องเที่ยวที่มาแบบเช้ามา-เย็นกลับ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม

เป็นเรื่องใหม่ในไทย แต่ที่อื่นเขาเก็บกันมานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกหรือประเทศเดียวที่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยว ในหลาย ๆ ประเทศ มีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินมาก่อนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกได้มีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินหรือภาษีนักท่องเที่ยว ด้วยชื่อเรียก ราคา เงื่อนไข และรายละเอียดที่แตกต่างกัน โดยอาจจะรวมอยู่ในราคาตั๋วเครื่องบิน หรือรวมอยู่ในราคาห้องพักในโรงแรมที่นักท่องเที่ยวต้องจองล่วงหน้า ประเทศที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เช่น

สหรัฐอเมริกา: หลายๆ  รัฐในสหรัฐอเมริกา ทั้งรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส มีการเก็บภาษีการเข้าพัก ทั้งในโรงแรมขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยมีอัตราการเรียกเก็บที่แตกต่างกัน ในรัฐเท็กซัส มีอัตราเรียกเก็บสูงที่สุดถึง 17%

อิตาลี: ค่าธรรมเนียมของกรุงโรม เรียกเก็บภาษีเป็นจำนวนเงิน 3 ยูโรถึง 7 ยูโร (ประมาณ 110 บาท ถึง 260 บาท)

เยอรมนี: มีการเรียกเก็บภาษีวัฒนธรรมและภาษีเตียง เรียกเก็บภาษีเป็นจำนวนเงิน 5 ยูโร (ประมาณ 190 บาท) ต่อคนต่อวัน หรือจำนวนเงิน 5% ของราคาบิลโรงแรมที่เข้าพัก

ฝรั่งเศส: เก็บภาษีนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมจากที่พัก ในอัตรา 0.2-4 ยูโร (ราว 8-150 บาท) ต่อการค้างแรม 1 คืน อัตรานี้จะเปลี่ยนไปตามเมืองหรือระดับโรงแรมที่เข้าพัก

เบลเยียม: คิดภาษีนักท่องเที่ยวตามเมืองและที่พัก แอนต์เวิร์ปกำหนดไว้ที่ 2.39 ยูโร (ราว 90 บาท) ต่อคืนต่อคน ที่บรูจส์คือ 2 ยูโร (ราว 75 บาท) ต่อคืนต่อคน บรัสเซลส์แตกต่างกันไปตามขนาดและระดับของโรงแรม โดยอาจสูงถึง 7.5 ยูโร (ราว 280 บาท) ต่อคนต่อคืน

สเปน: เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 4 ยูโร (ประมาณ 150 บาท) ต่อวันต่อคน นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจเรียกเก็บเงินพิเศษสำหรับผู้มาเยือน โดยในบาร์เซโลนา ผู้เข้าชมจะถูกเรียกเก็บเงินสูงถึง 2.50 ยูโร (ประมาณ 95 บาท) ต่อวัน

กรีซ: ภาษีนักท่องเที่ยว เก็บอิงตามจำนวนดาวของโรงแรมหรือจำนวนห้องที่เช่า มีตั้งแต่ 0.50 ยูโรถึง 4 ยูโร (ประมาณ 19 บาท ถึง 150 บาท) ต่อห้อง

โรมาเนีย: มีการเก็บภาษีนักท่องเที่ยวในรวมไปในค่าโรงแรม โดยอาจชาร์จ 1% ของค่าห้อง บางเมืองอาจคิดภาษีเมืองและภาษีกู้ภัยเพิ่ม

สโลวีเนีย: เก็บภาษีนักท่องเที่ยวราว 3 ยูโร (ราว 110 บาท) ส่วนเด็กอายุ 7-18 ปี ชาร์จครึ่งราคาอยู่ที่ 1.5 ยูโร (ราว 56 บาท)

สวิตเซอร์แลนด์: ภาษีที่ถูกเรียกเก็บของนักท่องเที่ยวจะแตกต่างกันออกไปตามที่ตั้งของที่พัก ยิ่งที่พักเล็กก็จะเก็บในราคาถูกลง โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 2.50 ฟรังก์สวิส (ประมาณ 93 บาท)

ออสเตรีย: เก็บภาษีที่พักค้างคืน 3.02% สำหรับบิลโรงแรมต่อคนต่อคืน

บัลแกเรีย: ราคาต่างไปตามเมือง เฉลี่ยอยู่ที่ 0.2-3 เลฟ (ราว 4-58 บาท) ต่อคืน

โครเอเชีย: เรียกเก็บภาษีท่องเที่ยวเพิ่มรวมอยู่ในค่าที่พัก ขณะนี้คิดอยู่ที่ราว 8-10 คูนา (ราว 40-50 บาท) ต่อคนต่อคืน

โปรตุเกส: ชาร์จภาษีท่องเที่ยวเฉพาะคนที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปในอัตรา 1.5-2 ยูโร (ราว 57-76 บาท) ต่อคนต่อคืน

นิวซีแลนด์: เพิ่งมีการประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศเมื่อราว 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเรียกเก็บเป็นเงินหัวละ 35 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 800 บาท)

ญี่ปุ่น: มีการเรียกเก็บภาษีซาโยนาระ โดยจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 1,000 เยน (ราว 300 บาท) นักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายเมื่อเดินทางออกนอกประเทศ

ภูฏาน: เรียกเก็บในอัตรา 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อวัน (ราว 8,700 บาท) ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม และกันยายน-พฤศจิกายน (ฤดูท่องเที่ยว) 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อวัน (ราว 7,000 บาท) ตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ และมิถุนายน-สิงหาคม (นอกฤดูท่องเที่ยว) โดยภูฏานเป็นประเทศที่เรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดินแพงที่สุดในโลก

มาเลเซีย: เก็บภาษีนักท่องเที่ยว 10 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 80 บาท) ต่อคนต่อคืน

อินโดนีเซีย: เกาะบาหลี เก็บภาษีนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 350 บาท) นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังกำหนดภาษีขาออกซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละสนามบิน

ประเทศในแถบทะเลแคริบเบียนกว่า 20 ประเทศ: เก็บภาษีขาออกโดยรวมอยู่ในตั๋วเครื่องบิน คิดค่าธรรมเนียมเดินทางออกนอกประเทศต่างกันไปตามแต่ละประเทศ ตั้งแต่ 15 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 500 บาท) ของบาฮามาส ไปจนถึง 51 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,800 บาท) ของแอนติกัวและบาร์บูดา หรือไม่ก็รวมอยู่ในราคาที่พักเช่นเดียวกับประเทศยุโรป

ข้อมูลบางส่วนจาก Insider