The Fabulous เมื่อแพชชั่น นำพาไปสู่การตะกายตามฝัน

อะไรคะเนี่ยยย! เทศกาลปีใหม่วนมาอีกแล้ว สิบสองเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก จนเริ่มจะจำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่า “คอลัมน์ชะนีติดซีรีส์” วน ๆ เวียน ๆ อยู่กับช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มากี่ปีแล้ว จำได้แต่ความรู้สึกว่าต้องลุกขึ้นมาทำงานในวันปีใหม่ 2-3 ครั้งแล้วก็เท่านั้น อย่างเมื่อครั้งปีใหม่ปีที่กำลังจะผ่านไป ก็จำได้ว่าเขียนคอลัมน์ไปเปิดคอนเสิร์ตฟรีของ SM ไปด้วย (วิถีติ่งเกาหลีขนานแท้) แต่คอลัมน์วันนี้อาจจะดูตื่นเต้นกว่าอีก เพราะรู้สึกว่าชีวิตติ่งเกาหลีของตัวเองกำลังจะ complete อีกครั้งไปพร้อม ๆ กับหน้าที่การงานที่ทำ

ส่วนใหญ่แล้ว พวกติ่งเกาหลีจะมีนิยามของ “ชีวิตติ่ง complete” แตกต่างกันไป บางคนรู้สึก complete เพราะได้ไปคอนเสิร์ต ศิลปินรับของจากมือ หรือได้อะไรจากในคอนเสิร์ตกลับบ้าน บางคนขอแค่ได้มีโอกาสเจอตัวจริงสักครั้งก็ตายตาหลับ บางคนแค่ศิลปินกดหัวใจให้กับข้อความอวยพรวันเกิดในทวิตเตอร์ที่ติดแฮชแท็กเป็นชื่อของเขา ก็ดีใจจนนอนไม่หลับไปหลายคืน และบางคนที่ปกติค่อนข้างจะมีงานรัดตัว งานแฟนมีตก็ไม่ว่าง (ไม่มีเงิน) ไป เวลามาไทยก็ไม่เคยได้ไปรับที่สนามบิน คอนเสิร์ตที่เกาหลีเหรอ อย่าได้ฝัน! ดังนั้น ในฐานะของคนที่ทำงานเขียน แค่ได้เขียนถึงเมนตัวเองในผลงาน และแอบอวยนิดอวยหน่อย ก็เป็นความ complete อีกรูปแบบที่ชวนให้ใจเต้นแรงแล้ว

ภาพจาก IG : Netflix Korea

The Fabulous คือซีรีส์ส่งท้ายปี 2022 ที่มีความพิเศษสำหรับเรามาก เพราะรอเวลาที่จะได้เขียนถึงเมนตัวเองในคอลัมน์มานานมากแล้ว ประมาณว่าเราก็ทำหน้าที่การงานของเราไป ในขณะที่เมนของเราก็มีหน้าที่การงานของเขาเหมือนกัน และในที่สุดมันก็ได้มาบรรจบกัน ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าตัวเรานั้นเป็นติ่งเกาหลีวง SHINee และพระเอกเรื่องนี้คือก็เมนของเราเอง ชเวมินโฮ ตำแหน่งแร็ปเปอร์หลักและวิชวลของวง ตั้งแต่ออกจากกรมมาเมื่อพฤศจิกายน 2020 ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่อปป้าแสดงนำ ครั้งแรกในรอบหลายปีที่อปป้ากลับมาเป็นพระเอกอีกครั้ง (ว้าย! กรี๊ดดด) แถมก่อนหน้าก็ต้องเลื่อนวันสตรีมจาก 4 พ.ย. มา 23 ธ.ค. เนื่องจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่อิแทวอน

The Fabulous หรือชื่อภาษาไทยโดย Netflix หรู เริ่ด เชิด โสด นำเสนอเรื่องราวของเพื่อนซี้แก๊ง “ไม่สนโลก” ทั้ง 4 คนที่มีความฝัน ความรัก และมิตรภาพเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ ทั้งหมดโลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่น แฟชั่นแบบแฟชั่นจริง ๆ ไม่ก๊องแก๊ง ทั้งคาแรคเตอร์ตัวละคร บทสนทนา เสื้อผ้าหน้าผม สถานการณ์ เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นในแวดวงการทำงานในวงการแฟชั่น ซึ่งมันมักจะต้องมาพร้อมกับ “แพชชั่น” หรือ “ความหลงใหล” บอกได้เลยว่าจัดเต็ม แถมยังมีกลิ่นอายของโปรดักชันแบบฝั่งตะวันตกด้วย ถือเป็นงานรอมคอมที่มาตรฐานไม่ใช่เล่น ๆ เลยทีเดียว

อีกประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากการทำงานในวงการแฟชั่นที่เราจะได้เห็นในมุมที่ฉีกไปจากเรื่องอื่นที่เคยเคลมว่านำเสนอเรื่องราวในวงการแฟชั่น แต่พอดูจริงแล้วให้อารมณ์ผิดหวังกันไป คือความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกที่แตกย่อยออกมาจากมิตรภาพ 4 คน เฟรนด์โซนที่ให้คนดูได้ลุ้นว่าทั้ง 2 คนนี้จะเล่นเกมข้ามโซนไปมาระหว่างการเป็นเพื่อนและเป็นแฟนกันไปอีกนานแค่ไหน ความรักที่มีให้กันแต่ก็ไม่ทำให้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไว้เพราะเกรงใจอีก 2 คนที่เหลือ เป็นอะไรที่ดูแล้วอึดอัดมาก ดีที่ได้เนื้อเรื่องในส่วนของการฟาดกันไปมาและการแก้ปัญหาในการทำงานมาดึงไว้ เรื่องถึงไม่หน่วงจนถึงขั้นที่ต้องเทไป

คนพวกนั้นก็พล่ามไปเรื่อย จะเดือดร้อนกับคำพูดเรี่ยราดแบบนั้นไปทำไม

เพื่อนซี้ 4 คนที่อยู่ในวงการแฟชั่น มีหน้าที่การงานแตกต่างกันไป พระเอกเป็นช่างภาพฝีมือดี นอกจากสกิลในการถ่ายภาพจะเลิศแล้ว ยังมีฝีมือในการรีทัชภาพด้วย อย่างไรก็ตาม เขารักอิสระมากเกินกว่าจะทำงานประจำ ทุกวันนี้จึงเป็นฟรีแลนซ์แล่นไปแล่นมา กลุ่มเพื่อนเรียกหาเมื่อไรก็พร้อมสแตนด์บาย โดยเฉพาะเวลานางเอกเรียก

ภาพจาก IG : Netflix Korea

ในขณะที่นางเอกเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทเอเจนซี ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบแบรนด์เนมแบรนด์หรูต่าง ๆ ที่เข้ามาทำการตลาดในเกาหลี หน้าที่การงานระดับหัวหน้าทีม แต่หัวหมุนทำทุกอย่างแบบสากกะเบือยันเรือรบ และรับหน้ากับลูกค้าตรง ๆ ในทุกเรื่อง และหากเทียบกับเพื่อน 4 คน นางเอกดูจะเป็นคนที่ยังรากหญ้าที่สุด เป็นลูกจ้างเขาและโดนจิกใช้ในทุกหน้าที่ ในขณะที่เพื่อนค่อนข้างประสบความสำเร็จเหนือกว่า แต่เธอก็รักในงานที่ตัวเองทำ และไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไร

แก๊งเพื่อนที่เหลืออีก 2 คน คนหนึ่งเป็นดีไซเนอร์ตัวเล็ก ๆ ที่แม้ว่าเวลานี้จะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่ว ๆ ไปเท่าไรนัก จึงกำลังพยายามอย่างหนักในการผลักดันตัวเองขึ้นไปสูงกว่านี้ และคนสุดท้าย นางแบบหน้าสวยเก๋ตาเฉี่ยว ผู้ที่เป็นท็อปโมเดลแห่งเกาหลี แต่นิสัยส่วนตัวที่แก้ไม่หายอย่างพูดจาขวานผ่าซากและยอมกักไม่ยอมงอของเธอกำลังทำให้ตัวเองลำบาก มันรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้ใครต่อใครตัดสินเธอจากภายนอก โดยไม่สนใจจิตใจจริง ๆ ของเธอว่าเป็นคนแบบไหน

ภาพจาก IG : Netflix Korea

จะเห็นว่าตัวละครแต่ละตัว แม้ว่าจะมีหน้าที่การงานดี มีเงินมากพอที่จะแต่งตัวด้วยแบรนด์เนมหัวจรดเท้า แต่ต่างคนต่างก็ยังขึ้นไปไม่สุดในหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ยังคงต้องเผชิญปัญหาที่สุดจะปวดประสาท แต่ก็ธรรมดาของละครที่สุดท้ายจะมีทางลงให้กับตัวละครแบบสวย ๆ

ทว่าแค่ปัญหาทั่วไปในงานก็ไม่สาหัสเท่า “คำพูดของคนอื่น” ที่มันบั่นทอนทั้งจิตใจและจิตวิญญาณ ต่อให้เราไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเอาไปพูด แต่เราก็ยังแคร์คำพูดพวกนั้นอยู่ดี สุดท้ายก็มานั่งเป็นทุกข์เองเพราะเก็บขยะจากปากคนอื่นมาใส่ใจ

ทุกคนต่างต่อสู้กับหน้าที่การงานที่ตัวเองทำอยู่ และต้องดิ้นรนพิสูจน์ความสามารถของตัวเองว่าไม่ได้เป็นแบบที่ใครเขาพูด เชื่อมโยงวิถีชีวิตของกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในวงการแฟชั่น ด้วยความสนิทสนมของตัวละครที่ไม่ว่าอย่างไรก็คอยช่วยเหลือและสนับสนุนกันเสมอมา ฟีลเพื่อนรักที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ยื่นมือและอ้อมกอดที่อบอุ่นให้กัน มันเป็นความฟีลกู้ดที่ดีต่อใจ ทั้งยังช่วยเติมไฟและแพชชั่นให้กับคนที่ยังต้องต่อสู้ในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะวงการที่มีการแข่งขันสูง

ภาพจาก IG : Netflix Korea

นอกจากความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของคน 4 คน ยังมีความสัมพันธ์ยิบย่อยที่น่าสนใจอีกเยอะ ทั้งความสัมพันธ์ของครอบครัว อย่างที่เขาว่ากันว่าการมีครอบครัวที่เข้าใจและสนับสนุนมันดีที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับลูกน้อง ที่ทำงานเหมือน partner กันมากกว่า การฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องงานชนิดที่ถ้าไม่มีเธอคอยช่วยเหลือก็ไม่มีฉันในวันนี้ ความสัมพันธ์ของคู่แค้น ทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่เคยจิกหัวฟัดกันแทบตาย สุดท้ายกลายเป็นมิตรแท้จากสถานการณ์สุดซึ้ง แต่ความสัมพันธ์เรื่องความรัก บอกเลยว่าค่อนข้างจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ และวุ่นวาย กว่าแต่ละคู่จะลงตัวกันได้ก็จบเรื่องพอดี

ไม่ต้องคิดว่าไม่ยุติธรรมหรอก อย่าไปร้องไห้กับเรื่องแบบนี้ ยิ้มเข้าไว้ ไม่เป็นไรหรอก โยนมันทิ้งไปซะ

ภาพจาก IG : Netflix Korea

ในซีรีส์เรื่อง The Fabulous นี้ นอกจากจะหวีดเมนตัวเองทุกครั้งที่โผล่หน้าออกมา อีกหนึ่งตัวละครที่รู้สึกชอบมาก และจะตั้งใจอ่านคำพูดที่ออกมาจากตัวละครตัวนี้เสมอก็คือ ตัวละครเยซอนโฮ ซึ่งรับบทโดย พัคฮีจอง ผู้หญิงอะไรโคตรคูล My Idol มาก ๆ มีความเท่แบบสิบกะโหลก ความเฟียส ความมั่น ให้ไปร้อยกะโหลกเลย คาแรคเตอร์แบบแม่เกิดมาเพื่อฟาด อะไรที่ไม่เข้ารูปเข้ารอย แม่ไม่ปล่อยผ่าน ฟาดไม่เลือกจนเกือบจะโดนแบนงานนางแบบ แต่ก็หาแคร์ไม่ ยอมรับในสิ่งที่จะตามมาเพราะตัวเองเป็นคนก่อเรื่อง พูดจาขวานผ่าซาก มีความเป็นตัวเองสูงมาก เธอไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด และมีความหลัวสูงมากเช่นกัน ปกป้องแม้แต่คนที่เคยยืนด่าตัวเอง

เรื่องนี้เธอแสดงเป็นนางแบบ แต่งตัวแฟชั่นจ๋าเลยด้วย ตอนแรกค่อนข้างทึ่งกับจริตความเป็นนางแบบของเธอ จนกระทั่งไปพบข้อมูลมาว่าเธอเป็นนางแบบอาชีพ หน้าตาสวยเก๋ไม่เหมือนใคร และเดบิวต์เป็นนักแสดงด้วยการเล่นซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วย แต่เล่นดีมาก ดีจนต้องตามไปฟอลโลว์ไอจี

ภาพจาก IG : Netflix Korea

ที่ต้องยกตัวละครตัวนี้ขึ้นมากล่าวถึง ก็อย่างที่บอกว่าค่อนข้างประทับใจตัวละครตัวนี้ เป็นคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมากว่า “ยอมหักไม่ยอมงอ” ไม่กลัวใคร และไม่ยอมที่จะโดนกระทำฝ่ายเดียว หัวใจนักสู้มาก ๆ ตอนแรกคิดว่าเธอเป็นแบบนี้แค่ปกป้องตัวเอง ที่ไหนได้ เธอใช้คาแรคเตอร์นี้ปกป้องคนอื่นด้วย ถ้าเธอรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เธอก็จะฟาดทันที ต่อให้คนที่เธอยื่นหน้าเข้าไปช่วยจะเคยยืนด่าเธอด้วยข้อมูลผิด ๆ มาก่อน แถมเคยฟัดกันมาแล้วก็ตาม และหลังจากที่เสนอตัวเข้าไปช่วยเขา ตัวเองก็เดือดร้อนไปด้วย ด้วยอิทธิพลของคนที่เธอไปฟาดมา แต่แล้วไงใครแคร์ ถ้าจะพัง เธอก็ยอมพังเพราะสิ่งที่ตัวเองก่อนี่แหละ แต่จะไม่ยอมพังเพราะเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำเด็ดขาด

“ไม่ต้องคิดว่าไม่ยุติธรรมหรอก อย่าไปร้องไห้กับเรื่องแบบนี้ ยิ้มเข้าไว้ ไม่เป็นไรหรอก โยนมันทิ้งไปซะ” เป็นคำที่เธอใช้ปลอบใจนางแบบรุ่นน้อง ซึ่งรุ่นน้องคนนี้คือคนที่เคยไปได้ยินข้อมูลผิด ๆ ว่าเธอใช้เรือนร่างเป็นบันไดตะกายสู่ความสำเร็จ จากนั้นก็เอามาแซะ เหยียดหยามจนเกิดเรื่องเกิดราว แถมยังเยาะเย้ยด้วยท่าทางสุดน่าตบ พอมาถึงตาตัวเองโดนเข้าใจผิดจากข่าวลือบ้า ๆ บ้างกลับไปไม่เป็น และก็พอจะรู้แล้วว่าการถูกเกลียดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดมันเป็นยังไง พยายามจะปฏิเสธและอธิบายความจริงเท่าไรก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายไม่ฟัง เหมือนสมัยที่ตัวเองไปรู้ข่าวลือมาผิด ๆ แล้วดูถูกคนอื่นเป๊ะ ทีนี้จะมาคิดได้ว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะตัวเองเป็นฝ่ายโดนเอง

ภาพจาก IG : Netflix Korea

สุดท้ายแล้ว ยัยเด็กนี่ก็รอดจากสถานการณ์บ้าบอมาได้เพราะรุ่นพี่ที่ตัวเองเคยด่าช่วยไว้ ก่อนจะปลอบใจด้วยประโยคข้างต้น กว่าจะได้บทเรียนก็คือต้องเจอเอง ถึงจะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย การโดนด่าจากข่าวลือมั่ว ๆ แล้วก็เก็บเอาสิ่งที่เจอมาเจ็บปวดด้วย ทั้งที่มันไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องไม่จริงมาใส่ใจขนาดนั้น แค่เรารู้ว่าเราไม่ได้ทำ เราไม่ผิดก็พอ อย่าร้องไห้ให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยิ้มสู้สวย ๆ และโยนทิ้งไปซะ จนทำให้ในที่สุด เยซอนโฮก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่า “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ” ในเมื่อเธอไม่ได้เป็นแบบข่าวลือ เธอก็แค่ฟาดกลับและรอเวลาที่ความจริงจะเปิดเผย

อย่ากลัวการเป็นนางมารร้ายสำหรับใครสักคนสิ

ภาพจาก IG : Netflix Korea

เพราะการเป็นคนใจดีมันไม่ได้มีคุณค่าสำหรับทุกคน และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชมยินดีหรือเกรงอกเกรงใจเมื่อเราใจดีด้วย การกลายร่างเป็นนางมารร้ายมันไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปหรอก ตราบใดที่เราไม่ได้เริ่มต้นทำร้ายใครก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องรู้จักที่จะปกป้องหัวใจและความรู้สึกของตัวเอง มันไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องยอมเสียสละเสียความรู้สึกเพื่อใครสักคนที่เขาไม่ได้เห็นคุณค่า คิดจะใจดีก็ใจดีให้ถูกคน ไม่อย่างนั้นจะจนใจเอง

อย่ากลัวที่จะแสดงออกให้โลกรู้ว่าเราเป็นคนที่รักตัวเอง การรักตัวเองที่ถูกต้องไม่ใช่การเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่เป็นมันเป็นเอาใจใส่และการห่วงใยในทุก ๆ ด้านของตัวเอง โดยเฉพาะความรู้สึก อะไรที่ไม่จำเป็นต้องอดทนเจ็บปวด ก็เอาตัวและหัวใจตัวเองออกมา อะไรที่ทำแล้วมีความสุขและไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ทำไปเลย ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิด จะตายวันไหนก็ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น หากเราเลือกได้และมีสิทธิ์ตัดสินใจ เราจะมัวทำในสิ่งที่ฝืนตัวตนและความรู้สึกตัวเองไปเพื่ออะไรกัน ยอมรับทุกอย่างไว้เอง ยอมที่จะไม่มีความสุข แล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นมา

ภาพจาก IG : Netflix Korea

ย้อนกลับไปที่ตัวละครของเยซอนโฮเจ้าเก่าเจ้าเดิม ตัวแม่สุดเฟียสที่ฟาดทุกอย่างที่เห็นว่ามันไม่ดี นอกจากเธอจะฟาดคนอื่น ๆ ที่ทำตัวน่ารังเกียจแล้ว กับเพื่อนตัวเองเธอก็ฟาด แต่เป็นการฟาดเพราะหวังดี อยากให้เพื่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงบางอย่างตามที่หัวใจต้องการได้แล้ว ประทับใจการกระซิบข้างหูเพื่อนว่า “อย่ากลัวการเป็นนางมารร้ายสำหรับใครสักคนสิ” เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนกำลังทำอยู่นั้นไม่มีความสุขเลยสักนิด พยายามทำในสิ่งที่คิดว่าดีแล้วสำหรับคนอื่น โดยการยอมฝืนความรู้สึกตัวเอง จากนั้นก็มาทำตัวคูล ๆ เหมือนไม่เจ็บปวดอะไร ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

ไม่ได้จะบอกว่าการเป็นนางมารร้ายมันดีหรอกนะ ถ้าเลือกได้ก็ควรจะเป็นนางฟ้านั่นแหละถูกแล้ว แต่ถ้าการเป็นนางฟ้าเพื่อคนอื่นทำให้ตัวเองต้องมาสับสนวุ่นวายเสียเอง การเป็นนางร้ายที่ตรงไปตรงมาไปเลยแบบที่เยซอนโฮเป็นเป็นอะไรที่เข้าท่ากว่าเยอะ เธอไม่แคร์ด้วยซ้ำไปว่าการแสดงออกเป็นนางมารร้ายของตัวเองมันจะมีปัญหาต่อการทำงาน ในเมื่อเธอทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีก็มีไป เดี๋ยวไปหาลู่ทางเอาใหม่ ก็นะ เป็นตัวแม่จะแคร์เพื่อ แต่ด้วยความสามารถของเธอก็เลยไม่มีใครเอาเธอลงได้ ถึงจะโดนแบนงานอยู๋ช่วงหนึ่ง ในที่สุดก็กลับมาเจิดจรัสได้

ภาพจาก IG : Netflix Korea

หลังจากดูจบ 8 ตอน พูดสรุปง่าย ๆ ก็คือการดูซีรีส์ที่เมนตัวเองเล่นเป็นตัวหลักในรอบหลายปี จะอวยก็ไม่สุดทางเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ผิดหวังนะ มันก็สนุกในทางของมัน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่จะต้องป้ายยาให้ใครมาดู รวมถึงไม่ได้รู้สึกพลาดอะไรถ้าจะไม่ดู (เว้นแต่ว่าคุณจะชอบนักแสดงเป็นการส่วนตัว) และมันก็ไม่ได้แย่จนถึงขั้นดูไม่ได้ ไม่ได้ถึงขั้นหลับคาจอ หรือต้องตัดสินใจเท ช่วงลุ้นมันก็มี ช่วงตื้นตันใจในความสัมพันธ์มันก็มาก ที่ชอบมากที่สุดคือการให้ความสำคัญกับความฝัน สิ่งที่จุดประกายแพชชั่นขึ้นมา และผลักดันให้เราวิ่งตามฝันไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้อุปสรรคจะเยอะแค่ไหน แต่ความหลงใหลจะทำให้เราชนะทุกอย่าง ถ้าเรามุ่งมั่นจะไปต่อ อะไรก็หยุดเราไม่ได้ 🤝