“ทำไมรสชาติกาแฟโบราณร้านนี้ ไม่เหมือนที่อื่นเลย” นี่เป็นคำชมที่ทำเอาคนชงกาแฟยิ้มแก้มปริและปลื้มใจทุกครั้งที่ได้ยิน เปรียบเหมือนเชื้อไฟที่คอยเติมพลังให้เจ้าของร้านน้ำเล็ก ๆ ให้มีกำลังใจในการทำธุรกิจ จากพนักงานประจำที่กำลังจะหมดสัญญาจ้าง และต้องหาทางออกให้อนาคตของตัวเองและครอบครัว การเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่างคงไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไร “กาแฟ” เป็นเพียงความชอบ และเป็นสิ่งที่จุดประกายให้กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
แม้ว่าร้านกาแฟจะเกิดขึ้นมากมายในระยะ 3-5 ปีที่ผ่านมา แต่ธุรกิจร้านกาแฟยังเติบโตได้อยู่ ถ้าบริหารจัดการร้านและทำการตลาดให้ดี วันนี้ “คนต้นคิด” มีบทสัมภาษณ์จากคุณเช-พันธลักษณ์ ศักดานุภาพสกุล เจ้าของแบรนด์ “เจี๊ยะโกปี๊” ผู้ที่ปลดแอกจากพนักงานประจำสู่พ่อค้ากาแฟโบราณ อะไรคือจุดเปลี่ยน พร้อมบอกทริกว่าถ้าจะเปิดร้านกาแฟสักร้านต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง ถึงจะประสบความสำเร็จ ถูกใจลูกค้า ทำกำไรได้มาก ธุรกิจอยู่ได้ในระยะยาว
จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจเป็นมาอย่างไร
เริ่มต้นจากแฟนคลอดลูกแล้วต้องเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ก็จะมีช่วงว่างไม่มีอะไรทำ ก็อยากหาอะไรทำ บวกกับที่บ้านมีหน้าร้านที่อยู่ในทำเลที่ดีมาก ผมในตอนนั้นก็ทำงานประจำอยู่กำลังจะหมดสัญญาจ้างงานพอดี ด้วยอายุที่มากขึ้นจะไปหางานใหม่ก็คงเป็นไปได้ยากพอสมควร เราก็เริ่มมานั่งคุยกันว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ก็เริ่มต้นจากสิ่งที่ตัวเองชอบนั่นคือ “กาแฟโบราณ” ผมกับแฟนมีความชอบที่เหมือนกัน เราสองคนชอบกินกาแฟโบราณมากเลยกลายเป็นไอเดียในการทำธุรกิจนี้ขึ้นมา ทีนี้จะทำยังไงล่ะในเมื่อเราไม่มีสูตร ไปขอเรียนสูตรจากร้านอื่นเขาก็คิดค่าวิชาที่แพงมาก การตระเวนชิมกาแฟ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาสูตรกาแฟที่ชอบ
ผมตระเวนชิมกาแฟอยู่ประมาณ 1 ปี แล้วไปถูกใจกาแฟโบราณร้านหนึ่ง เป็นร้านกาแฟที่ธรรมดามาก แต่กาแฟถูกใจผมมาก ตอนนั้นคิดเลยว่าร้านนี้แหละ เจ้าของบอกถ้าสนใจเขาจะขายสูตรให้ในราคา 20,000 บาท หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเงินที่ไม่เยอะ แต่สำหรับผมการเริ่มต้นธุรกิจด้วยการซื้อสูตรด้วยเงินก้อนนี้ เราเอาเงินก้อนนี้มาตกแต่งหน้าร้านดีกว่าไหม เพราะเราไม่ได้มีเงินทุนเยอะเท่าไร เรื่องสูตรก็สำคัญในตอนนั้นเราคิดว่าสิ่งพวกนี้เราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
หลังจากชิมกาแฟจนหารสชาติที่ใช่แล้ว ก็เริ่มลองหาความรู้เพิ่มเติมจาก YouTube ลองซื้อวัตถุดิบมาลองชงเอง ทดลองไปเรื่อย ๆ เหมือนการทำวิจัยเลยครับ จนมาค้นพบว่าสูตรใน YouTube ไม่ใช่สูตร 100% ที่เราเอามาทำเป็นธุรกิจได้ เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น เราต้องปรับสูตรใหม่โดยการซื้อวัตถุดิบจากคลิปตัวอย่างมาลองชง เรากิน ให้เพื่อนกิน ให้ญาติพี่น้องกิน แล้วมานั่งวิเคราะห์ว่ามันลงตัวหรือยัง
หัวใจหลักของ “เจี๊ยะโกปี๊” จะต้องไม่เหมือนใคร วัตถุดิบที่ใช้เราก็คัดสรรมาเป็นแบรนด์ที่ไม่ใช่ท้องตลาดทั่วไปใช้ เพราะถ้าวัตถุดิบเหมือนกันรสชาติก็ไม่ต่างจากร้านอื่น ๆ เราก็ไปตระเวนหาวัตถุดิบมาเพื่อลองและปรับให้ได้สูตรเฉพาะที่เป็นของร้านเราจริง ๆ “เจี๊ยะโกปี๊” เป็นกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลและครีมเทียม เหตุผลคือรสชาติไม่อร่อย และไม่ดีต่อสุขภาพนี่จึงกลายเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่งของแบรนด์เรา
ทำไมต้องเป็น “เจี๊ยะโกปี๊”
“เจี๊ยะโกปี๊” มาจากอากงคุณพ่อของผมนี่แหละครับ ต้องบอกก่อนว่าบ้านผมเป็นครอบครัวคนจีนแต้จิ๋ว เวลาคุณพ่อตื่นเช้าลงมาทำงานเขาจะชอบพูดคำนี้ประจำ ผมก็ได้ยินมันมาตลอด มันกลายเป็นความผูกพัน เราได้ยินคำนี้ทุกเช้าเลย คุณพ่อตื่นเช้ามาเขาก็จะมาบอกให้คุณแม่เนี่ยชงกาแฟให้กินก็พูดว่า เจี๊ยะโกปี๊ เจี๊ยะโกปี๊ เจี๊ยะโกปี๊หน่อย ผมก็เลยเอาคำนี้ ๆ มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ เป็นชื่อร้าน
จากพนักงานประจำเริ่มต้นสู่ธุรกิจส่วนตัว
ผมไม่ได้มองว่างานประจำไม่ดีนะ งานประจำให้ประสบการณ์ ให้เงินที่แน่นอนมาก ๆ แต่ข้อเสียของงานประจำมันก็มี แล้วยิ่งเราทำงานบริษัทเอกชนที่ไม่ได้มีบำเหน็จบำนาญอะไร เป็นพนักงานสัญญาจ้าง พอเราอายุมากขึ้นเรื่องการไม่ต่อสัญญามันก็เป็นเรื่องปกติ เราคิดว่างานประจำเป็นงานที่มั่นคงกับชีวิตเราแล้ว แต่พอถึงช่วงเวลาหนึ่งมันเริ่มไม่ใช่ และเราก็ไม่อยากกลับไปเป็นพนักงานประจำแล้ว ด้วยอายุ ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง เราก็คิดว่าเราจะทำงานประจำอีกนานแค่ไหน เราก็เริ่มมามองหาความมั่นคง และอยากสร้างธุรกิจเพื่อเป็นสมบัติให้ลูก และเป็นอาชีพที่เราสามารถทำได้จนแก่ ตอนเราอายุ 60 เราก็สามารถมายืนชงกาแฟได้
อนาคตธุรกิจก็ต่อยอดเป็น Passive income ได้นะ ถึงตอนนั้นเราจะไม่ได้มายืนชงกาแฟแล้ว แต่เราก็ยังคงมีรายได้ตลอด มีเวลาไปเที่ยว ไปพักผ่อนใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข ไม่เดือดร้อนเรื่องการทำงาน และการหาเงิน
จากมนุษย์เงินเดือน มาทำธุรกิจส่วนตัว ต้องรับมืออย่างไร
คำว่า “ลูกจ้าง” หลายคนคงไม่ชอบหรอก เพราะไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรเราก็ต้องทำ ไม่อยากทำก็ต้องทำเพราะมันคือหน้าที่ เราก็ทำเพื่อให้ได้เงินมา มันคือการทำงานแลกเงิน การเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเองก็ไม่ได้ต่างกันเลยครับ เพราะมันคือการเป็นลูกจ้างตัวเอง ไม่มีวันหยุด หยุดก็ไม่ได้เงิน และต้องทำงานตลอดเวลาต้องมานั่งคิดเรื่องการคิดเมนูใหม่ คิดโปรโมชันต่าง ๆ ต้องบอกว่าเรามีพื้นฐานการขายอยู่แล้ว แฟนผมเป็นพนักงานขายอยู่แล้ว การเริ่มต้นก็ไม่ใช่ปัญหาของเรามากเท่าไร
แต่ปัญหาที่ทำให้เราต้องรับมือกับมันคือ ช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดหรอกว่ามันจะเกิดขึ้น พอมันเกิดขึ้นเปิดร้านไม่ได้ ไม่มีลูกค้า นักศึกษาปิดเรียน ไม่มีใครออกจากบ้านมาซื้อของ รายได้ต่อวัน 1,000 บาท ไม่พอค่าใช้จ่ายที่มีอยู่แน่นอน ถ้ารายได้ยังเท่านี้ต่อไป ผมบอกเลยว่า “ขาดทุน” แน่นอน ทีนี้เมื่อโลกมันเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ต้องทำคือ เราก็ต้องเปลี่ยนให้เร็ว มองเป็นเกมที่เราต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ โควิด ก็แค่บอตตัวหนึ่งในเกมที่เราต้องตีให้แตก แล้วไปต่อในด่านต่อไป
บนความโชคร้ายมันก็มีความโชคดีแหละครับ ก่อนหน้านี้ร้านเราไม่เคยขาย Delivery เลย อย่างที่พ่อค้าแม่ค้าทุกคนรู้เลยครับ ว่าถ้าเราขาย Delivery เราจะโดนหักเปอร์เซ็นต์เยอะมาก หักไปหักมาก็ “ขาดทุน” อีก อยู่ไม่ได้แน่นอน เราก็เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่าลูกค้าที่เขาสั่ง Delivery เขารู้อยู่แล้วว่าต้องบวกราคาจากหน้าร้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เราคิดแทนลูกค้าตลอดว่าถ้าแพง ลูกค้าจะไม่ซื้อ ด้วยสถานการณ์เราพึ่งหน้าร้านทางเดียวไม่ได้แล้ว ก็เลยลองมาขาย Delivery ด้วยอีกช่องทางหนึ่ง ปรากฏว่ายอดขายดีขึ้น และด้วยเอกลักษณ์เรื่องรสชาติของ “เจี๊ยะโกปี๊” ที่ไม่เหมือนใคร เข้มข้น ให้เยอะ เลยทำให้เรามีลูกค้าประจำใน Delivery ด้วยกลายเป็นว่าเราสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อีก
เรื่องคู่แข่งก็สำคัญ ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่า ร้านน้ำ ร้านกาแฟ มองไปทางไหนก็มี เพราะมันทำง่าย ใครก็ทำได้ และลงทุนไม่เยอะ หน้าร้านผมฝั่งตรงข้ามก็มีร้านกาแฟ คู่แข่งเต็มไปหมดเลย ถ้าเราสร้างมาตรฐานของเราดีมากพอ เรามั่นใจว่ากาแฟของเราอร่อย กาแฟของเราดีกว่าคนอื่นแน่นอน ถ้าเราสร้างมาตรฐานตรงนี้ได้ ลูกค้ามากินแล้วชอบ ต่อให้มาซื้อเป็น 10 ครั้งแต่มาตรฐานเรายังเหมือนเดิม เข้มข้น อร่อยเหมือนเดิม คู่แข่งจะเยอะแค่ไหน ของมันอร่อยลูกค้าก็ต้องกลับมาซื้อซ้ำ เราต้องมั่นใจก่อนว่าคุณภาพเราดีจริง ๆ
ขอเสริมเรื่องนี้อีกสักนิดนะครับ ผมมองว่าเรื่อง “รู้คู่แข่ง” สำคัญมากในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะร้านกาแฟที่อยู่ละแวกเดียวกันกับร้านเราในรัศมีที่ใกล้ที่สุด จนไปถึงรัศมี 5 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น แน่นอนว่าเราต้องวิเคราะห์จุดขายของคู่แข่งก่อน และวางแผนทำร้านให้แตกต่างจากคู่แข่ง โดยวิเคราะห์องค์ประกอบร้านด้วย
- เมนูกาแฟของร้านมีอะไรบ้าง ทั้งเมนูเครื่องดื่มของร้านและขนมที่ขาย อะไรคือเมนูเด่นที่สุดที่ร้านแนะนำ มีขนมอะไรบ้าง อาจต้องทดลองชิม เพื่อดูว่าอะไรคือเมนูเด็ดที่แท้จริงของร้านเรา
- ราคาของแต่ละเมนูอยู่ในระดับไหน ระดับพรีเมี่ยมหรือระดับปานกลาง และจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน
- ร้านตกแต่งสไตล์ไหน เพราะโดยทั่วไปร้านกาแฟจะมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านการตกแต่งของร้านทั้งภายในและภายนอก รวมถึงเครื่องแบบของพนักงานด้วย
- มีโปรโมชันอะไรบ้าง นอกจากลด แลก แจก แถมแล้ว ต้องดูด้วยว่าร้านคู่แข่งทำการสื่อสารในสื่อใดบ้าง และใช้กลยุทธ์ใดในการทำการตลาด เรื่องนี้สำคัญมากครับ
ให้คิดง่าย ๆ ว่า เราต้องไม่กลัวคู่แข่ง แต่ต้องวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน คู่แข่งทำให้ดีแค่ไหน ร้านเราต้องดีกว่านั้นให้ได้ และต้องดีกว่าจริง ๆ ไม่ใช่การคิดเข้าข้างตัวเองว่าดี เราเห็นว่าดีคนเดียวไม่ได้ เราต้องสร้างมาตรฐาน และมั่นใจก่อน และลูกค้าจะเป็นคนตัดสินเราเอง
ผลตอบรับเป็นอย่างไร
ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา รสชาติที่ไม่เหมือนใคร แม้เมนูที่เหมือนกันแต่รสชาติบอกเลยว่าไม่เหมือนกันแน่นอน เพราะเรามีสูตรเฉพาะที่ทำให้เมนูนั้น ๆ มันต่างจากที่อื่น ลูกค้าให้เสียงตอบรับดีมาก ยกตัวอย่าง น้อง ๆ นักศึกษาเขาจะมีกลุ่มไลน์ ที่เป็นกลุ่มรีวิวร้านอร่อย ร้านของเราก็เป็นหนึ่งร้านที่ถูกแนะนำด้วย จากวันหนึ่งที่ขายได้ต่อวัน 30-50 แก้วตอนนั้นก็ดีใจแล้ว ปริมาณมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบอกต่อ ตอนนี้น่าจะเลย 100 แก้วไปแล้วครับ
ที่ผลตอบรับมันดีแบบนี้ ผมเชื่อว่าเราสร้างมาตรฐานของเราดี ใส่ใจทุกเรื่อง ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน ต่อให้ลูกค้าเยอะแค่ไหน เราก็ต้องทำตามขั้นตอน ลัดขั้นตอนไม่ได้ ไม่ชงแก้วซ้ำ ล้างแก้วทุกออเดอร์ ไม่ปล่อยแก้วให้เกรอะกรัง จนลูกค้าเอ่ยปากชม ทำไมสะอาดจัง อีกจุดเด่นของร้านคือ ชงสดทุกแก้ว เหมือนกาแฟสดที่ต้องชงทีละแก้ว เพื่อให้ทุกแก้วได้รสชาติความเข้มเหมือนกัน ถ้าร้านกาแฟโบราณทั่ว ๆ ไป เขาจะใช้ถุงกรองใหญ่ ต้มกาแฟวน ๆ ไป จืดก็เติม แก้วหนึ่ง พอถึงแก้วสุดท้ายรสชาติความเข้มข้มมันจะหายไป รสชาติแต่ละแก้วก็จะไม่เหมือนกัน
รวมไปจนถึงการบริการลูกค้าด้วย การพูดจาต้องดี พูดคุยกับลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว เราต้องใส่ใจเขา เราแทบจะจำความชอบของลูกค้าได้ว่าชอบกินอะไร ชอบแบบไหน ตรงนี้คือความใส่ใจอย่างหนึ่ง และเราควรให้เกียรติลูกค้าทุกคน แสดงความจริงใจ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน เขากลับมาหาเรา เขาคิดถึงเรา ผมว่าเรื่องนี้คือหัวใจหลักของการบริการเลยนะครับ
ฝากข้อคิดในการทำธุรกิจหน่อย
หลายครั้งที่การทำธุรกิจ หรือการทำอาชีพพนักงานออฟฟิศต้องมีอุปสรรคเข้ามาพิสูจน์ความแข็งแกร่งขององค์กร การเป็นเจ้าของธุรกิจก็ไม่ได้ต่างกันเลยครับ ผมว่าคนที่จะเอาชนะอุปสรรคตรงนี้ได้ต้องมีทั้งความอดทน ความพยายาม และมีไหวพริบที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งตรงนี้แหละ ที่เราจะสามารถใช้มันเป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จได้
เพราะในอุปสรรคเหล่านั้นที่หลาย ๆ คนพยายามหนี แต่เรากลับเข้าชน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราเรียนรู้การแก้ปัญหา ทนแรงกดดันได้ดีขึ้น มองอุปสรรคต่าง ๆ ออก จะทำให้เราเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ เราก็เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำนี่แหละ แต่เราทำทุกวัน ฝึกและพัฒนาไปเรื่อย ๆ เชื่อเถอะครับว่า สิ่งเล็ก ๆ สิ่งนี้แหละ จะพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นแน่นอน
ถ้าอยากกินกาแฟโบราณสูตรเข้มข้น ก็มาลองชิมกาแฟ ร้านเจี๊ยะโกปี๊ ได้เลยครับ ร้านอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ซอย 7 (ซอย ธนาคารกสิกร) เปิดทุกวันอาทิตย์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 7.30-19.30 น. แวะมาชิมกันได้ กาแฟโบราณ หอมเข้ม ไม่เปรี้ยว ชงสดทุกแก้ว รสชาติไม่เหมือนใครครับ