ฤดูกาลแบ่งเค้ก กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

สัปดาห์ที่แล้วเขียนถึงเรื่อง D2C หรือ Direct to Consumer อันหมายถึงการที่แบรนด์สร้างช่องทางขายตรงสู่ผู้บริโภคในรูปแบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันโดยไม่ผ่านตัวกลาง ซึ่งจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมของวงการสตรีมมิ่งที่กำลังร้อนแรงในปัจจุบัน เพราะเจ้าของ Contents เริ่มไม่อยากถูกกินรวบ อยากจะขายตรงไปหากลุ่มแฟนคลับของตัวเอง

หากแต่ “Game Change” ดังกล่าวยังไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้พรุ่งนี้ หลายแบรนด์ยังต้องพัฒนาแอปพลิเคชันและระบบหลังบ้านที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง แต่รับรองว่าไม่เกินสามปีนี้เป็นอย่างแน่นอน

ทีนี้เรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนจะเกี่ยวข้องอะไรกับคอลัมน์สัปดาห์นี้ ต้องขออนุญาตตอบว่าเกี่ยวข้องอย่างมากถ้าคุณผู้อ่านได้เห็นประกาศรับสมัครงานของ Apple ในช่วงนี้ที่มีตั้งแต่ Sports Programming Strategy ไปจนถึง Senior Sports Writer

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เห็นว่า Apple กำลังจะเคลื่อนไหวกับ Contents กีฬามากเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่บล็อกเกอร์บางคนบอกว่า Apple Event ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กันยายนนี้ นอกเหนือจากจะได้เห็นไอโฟนตัวใหม่แล้ว สิ่งที่ต้องจับตาดูคู่กันไปคือ Contents และ Original Contents ที่แอปเปิลเตรียมส่งออกไปหาลูกค้าของตนเอง หลังจากที่ปล่อยให้หลายเจ้าหากินกับตนเองที่เป็น “Device” เพื่อการรับชม

ที่ชัดเจนที่สุดของ Apple กับ Apple TV ที่ได้ลิขสิทธิ์ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ เป็นการได้สิทธิ์แบบ Global Right เป็นระยะเวลายาวนานถึง 10 ปี โดยจะเริ่มในปี 2023 ซึ่งมูลค่าในการซื้อครั้งนี้อยู่ที่ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นการลงสู่สนามการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญของ Apple เพราะเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ นั้นมีความน่าสนใจน้อยกว่า EPL หรือ English Premier League คนที่ดูส่วนใหญ่สำหรับ MLS นั้นจะเป็นคนเม็กซิกันเสียมากกว่า

ซึ่งเท่ากับว่า การซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ของ Apple TV นั้นท้าทายเป็นอย่างมากว่าจะสร้างความน่าสนใจให้กับ Contents การถ่ายทอดสดกีฬาโดยเฉพาะ MLS ที่ยังต้องสร้างความคุ้นเคยกับแฟนฟุตบอลทั่วโลกอยู่พอควร เอาเข้าจริงแล้วผู้เขียนไม่ได้คิดว่าการที่ Apple TV ได้ลิขสิทธิ์แบบ Global Rights นั้นจะทำให้ Apple ได้เปรียบสตรีมมิ่งเจ้าอื่นที่มีถ่ายทอดสดกีฬาเหมือนกัน หรือบางเจ้าอาจจะซื้อต่อจาก Apple ไปอยู่ในแพลตฟอร์มของตัวเองก็ทำได้

สำหรับ Content ในลักษณะของการถ่ายทอดสดกีฬานั้นถือว่าเป็นทองคำสำหรับเจ้าที่ได้ไป ส่วนจะทำให้เพิ่มมูลค่าหรือซื้อมาแล้วเสียเปล่า ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้บริหารแพลตฟอร์ม เพราะตัวอย่างที่เห็นชัดมากที่สุดคือ Amazon Prime ที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแมตช์กลางสัปดาห์ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่ง สตรีมมิ่งเจ้าใหญ่จากสหรัฐสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า

ด้วยความที่ Amazon Prime ได้แมตช์ในการถ่ายทอดสดเป็นคู่ Monday Night และแมตช์กลางสัปดาห์ ทำให้การทำรายการพรีวิวก่อนเกม เหมือนดังเช่น Match of the day ของ BBC นั้นทำได้ยาก แต่ Amazon Prime ที่ในเวลานั้นยังเป็นน้องใหม่ของสตรีมมิ่งสด การแข่งขันฟุตบอลใช้วิธีการรบแบบกองโจร และมีหัวหน้ากองโจรที่ชื่อว่า ปีเตอร์ เคราช์ มาเป็น Contents Creator ทั้งรายการสั้นและไวรัล คลิปจาก ปีเตอร์ เคราช์ นั้นทำให้แบรนด์ Amazon Prime เป็นที่จดจำกับฟุตบอลอังกฤษ

ยังไม่จบเท่านั้น Amazon ยินดีลงทุนกับการทำสารคดีที่การซื้อลิขสิทธิ์ของพวกเขาทำให้ เข้าไปถึงส่วนลึกสุดของพรีเมียร์ลีก ได้สัมภาษณ์เอ็กคลูซีฟ ทั้งนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม ได้ใช้ฟุตภาพหายาก ยิ่งเพิ่มมูลค่าแมตช์การแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่พวกเขาถืออยู่ในมือ

ทีนี้คงต้องมาดูว่าความเคลื่อนไหวของ Apple TV ที่ได้กล่าวถึงในข้างต้นกับการถ่ายทอดสดกีฬา และ การได้ลิขสิทธิ์ MLS ยาวนานถึง 10 จะมีอะไรที่ Apple จะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแวดวง Content กีฬาขนาดไหนคงต้องรอกันในวันที่ 8 กันยายน

เอาเข้าจริงแม้จะมีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็น แต่ความสำเร็จดังกล่าวก็ไม่ได้เป็น Model of Success ให้กับคนอื่นได้เสมอไป ก็เหมือนการทำอาหารนั่นแหละค่ะ สูตรเดียวกันชั่งตวงวัดเท่ากันเป๊ะ ๆ แต่รสชาติยังต่างกัน ขึ้นอยู่ที่ว่าคนทำใส่ใจทำ หรือทำแค่ให้มันมีซึ่งตัวอย่างแบบหลังนี่มีให้เห็นเยอะเสียด้วยในบ้านเรา (ฮา)

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ