“คนเก่ง” “คนขยัน” หรือ “คนซื่อสัตย์”
ใครที่ได้ดูฟุตบอลคู่ระหว่าง ลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตัน เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา คงได้เห็นการไว้อาลัย รอนนี่ มอแรน ผู้ล่วงลับที่สนามแอนฟิลด์ ถือเป็นการให้เกียรติ “ตำนาน” ที่รับใช้ทีมมาอย่างยาวนานถึง 49 ปี !
คนอะไรทำงานที่เดียวอย่างจงรักภักดีได้ถึงเกือบครึ่งศตวรรษ ตั้งแต่วัยรุ่นยันชรา เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคุณแม่ของตัวผมเองที่จากไปแล้วเช่นกัน แกทำงานที่เดียวตั้งแต่จบการศึกษายันเกษียณ รวมอายุงานทั้งหมด 44 ปี ห่ะ..ห่ะ..ยังเป็นรองเขาตั้ง 5 ปีนะแม่
รอนนี่ มอแรน ถือเป็นตัวอย่างของพนักงานที่ซื่อสัตย์ขององค์กรที่ชื่อว่า ลิเวอร์พูล ฟุตบอลคลับ เป็นอย่างยิ่ง เขาเริ่มต้นทำงานเมื่อปี 1949 ในตำแหน่งนักฟุตบอลเยาวชน ต่อมากลายเป็นนักเตะอาชีพของทีมตั้งแต่อายุ 18 โดยเล่นแบ็คซ้าย อีกเพียงสามปีให้หลังเขายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมและก้าวขึ้นเป็นกัปตันได้ในที่สุด
ในปี 1966 เขาได้รับการชักชวนจาก บิล แชงค์ลี่ย์ ผู้จัดการทีมให้รับงานทีมสต๊าฟฟ์และเป็นนักเตะไปด้วยอีกสองฤดูกาล ก่อนจะตัดสินใจเลิกเล่นเมื่ออายุ 36 ปี
หลังจากเข้ามาอยู่ในกลุ่มบู๊ทรูมสต๊าฟฟ์ของลิเวอร์พูล รอนนี่ มอแรนทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่นักกายภาพบำบัด ผู้ช่วยโค้ชเยาวชน โค้ชทีมสำรอง โค้ชทีมชุดใหญ่ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม แม้กระทั่งตำแหน่งเบอร์ 1 ในการคุมทีม มอแรน ยังได้รับผิดชอบชั่วคราวอยู่สองช่วง คือตอน เคนนี่ เดลกลิช ลาออกอย่างกะทันหันในปี 1991 และตอน แกรม ซูเนสส์ ผ่าตัดหัวใจในปี 1992
มอแรน คือบู๊ทรูมสาย “บู๊” ตามสไตล์สมัยเล่นฟุตบอลของเขา ตรงกันข้ามกับ รอย อีแวนส์ ที่อยู่สาย “คลาสสิค” ทั้งคู่จึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการเป็นมือขวา-มือซ้าย ช่วยให้ “คิง เคนนี่” ประสบความสำเร็จในการคุมทีมอยู่ยุคหนึ่ง ส่วนทายาทที่สโมสรพยายามปั้นขึ้นมาทดแทนในการทำงานโค้ชของมอแรน ก็คือ แซมมี่ ลี ลูกหม้ออีกคนของทีมนั่นเอง
ในที่สุดเขาตัดสินใจประกาศอำลาจากสโมสรเมื่อปี 1998 ตอนอายุ 64 ปี ซึ่งถือว่าได้สร้างเกียรติยศให้กับสโมสรมากมายและกลายเป็นตำนาน “มิสเตอร์ลิเวอร์พูล” ไปในที่สุด
นี่คือตัวอย่างของคนที่มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี และประสบความสำเร็จกับที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลาเนิ่นนานถึง 49 ปี เป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันต่อไปว่า ถ้าหากมีความสามารถ มีความตั้งใจ มีความอดทนจริง ทำงานที่เดียวก็ประสบความสำเร็จในอาชีพได้
ทุกวันนี้เวลาบริษัทไหนจะเลือกบุคลากรใหม่เข้าทำงาน มักมองหาแต่คุณสมบัติ ‘เก่ง’ หรือ ‘ขยัน’ ถ้าต่อไปลองเพิ่ม ‘ความซื่อสัตย์’ เข้าไปด้วยดูบ้างก็น่าจะเข้าท่า อาจทำให้องค์กรนั้นมีโอกาสโชคดีได้คนแบบ “มิสเตอร์ลิเวอร์พูล” ผู้นี้บ้างก็เป็นได้.