“ทีวีดิจิตอล vs สิ่งพิมพ์” ใครไปก่อน ? (1)
นับจากวันที่ทีวีดิจิตอลอุบัติขึ้นมาในแวดวงสื่อไทยเกือบๆ 3 ปีที่ผ่านมา สร้างทั้งความหวังและความหวาด นาทีที่ กสทช. เปิดให้มีการประมูลกันอย่างอึกทึกคึกโครม จนถึงเพลานี้ที่การเปลี่ยนผ่านดูท่าว่าจะยังไม่ไปถึงไหน หนำซ้ำยังจะถูกกระแสคลื่นแห่งสื่อออนไลน์ตามมากระหน่ำซ้ำเติม ชนิดที่เรียกว่าถ้าเจ้าไหนสายป่านไม่ยาวพอ หรือใครกระทำการใดเกินตัว ก็อาจจะมีสิทธิม้วนเสื่อกลับบ้านเอาได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เม็ดเงินโฆษณาลดลง เพราะเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว เวทีนี้เลยกลายเป็นเวทีที่เหมือนไม่มีพี่เลี้ยงมาคอยบีบนวดให้น้ำให้ท่าระหว่างพักยก ไม่มีสิทธิแม้กระทั่งมาโยนผ้าขอยอมแพ้ด้วยซ้ำ แต่ในทางกลับกันผู้ชนะมีโอกาสคว้าเดิมพันก้อนโตไปครองดังตัวอย่างนี้
จากรายงานของ Nielsen เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ WORKPOINT TV โชว์ลีลาแซง ช่อง 3 HD ไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ด้วยอานิสงส์จากรายงานประกวดร้องเพลงสุดฮิต อัศวินจากยุคดิจิตอลเลยสามารถลดช่องว่างระหว่างอันดับ 3 กับ 2 ที่เคยมีมหาศาล หนำซ้ำบางช่วงแซงยักษ์ใหญ่ยุคอนาล็อคเอาเสียดื้อๆอย่างนั้น ราคาโฆษณาของช่องก็เติบโตขึ้นทุกปี
เหลือบตามาดูกลางตาราง ช่องเคเบิลทีวีอย่าง BOOMERANG กลายเป็นม้ามืดโผล่มาอยู่อันดับ 9 เหนือกว่าหลายๆช่องทีวีดิจิตอลที่ลงทุนกันปีละ 600-700 ล้านบาท กลายเป็นช่องจากแพล็ตฟอร์มเก่าที่ไม่ต้องเสียค่าประมูลแม้แต่บาทเดียว
ไปโทษเขาก็คงไม่ได้เพราะทีวีดิจิตอลบ้านเรา ยังต้องไปพึ่งคนดูจากแพล็ตฟอร์มเก่าอย่าง จานดาวเทียม เคเบิลทีวีท้องถิ่น และกล่องเพย์ทีวีของเอกชน ในการออกอากาศให้ผู้คนรับชมกันได้(อย่างสะดวก) ทั่วประเทศ ก็คงไม่ต้องไปฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกว่าใครควรทำอะไร และไม่ได้ทำอะไร เพราะมีคนพูดไปมากแล้ว
ถึงวันนี้ทีวีดิจิตอลเมืองไทยเลยต้องแข่งขันกับทั้งช่องอนาล็อคเดิมที่เปลี่ยนมาเป็นทีวีดิจิตอล ชนกับช่องดิจิตอลที่เกิดใหม่พร้อมๆกันเกือบ 20 ช่อง สู้กับเคเบิลทีวีเดิมที่ยังมีศักยภาพอีกหลายสิบช่อง ยังไม่นับ PAY TV, LINE TV และช่องบนอินเทอร์เน็ตที่กำลังโตอีกเพียบ
กระแสการแข่งขันนับวันมีแต่จะดุเดือดเลือดพล่านขึ้นเรื่อยๆ ใครกระโดดเกาะรถด่วนขบวนนี้ทันก็ดีไป ใครเกาะไม่ทันคงไม่แคล้วเป็นศพไม่มีญาติอยู่ข้างทางล่ะครับ.
(ต่ออังคารหน้า)