พิกมิเลียน (Pygmalion) : ชายผู้หลงรักรูปปั้น และการ”คิดอะไรก็จะเป็นจริง”

ตำนานเทพเจ้ากรีกโรมันเป็นอะไรที่น่าพิศวง เป็นความเชื่อที่คล้าย ๆ กับศาสนาแต่ก็ไม่ใช่ เพราะถือว่าเป็นเทพเจ้าที่สร้างโลก และสร้างธรรมชาติต่างๆ ที่อยู่บนโลกรวมถึงมนุษย์ด้วย ที่สำคัญตำนานกรีกโรมันเกี่ยวโยงกับศิลปะแบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะในยุคเรอเนสซองส์ หรือยุคคลาสสิก ยุคก่อนโมเดิร์น รูปวาด รูปปั้นส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเทพทั้งนั้น

คราวนี้เราขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประติมากรธรรมดาที่ปรากฏอยู่ในตำนานเทพกรีกโรมันบ้าง พิกเมเลียน (Pygmalion) เป็นประติมากร (บ้างก็ว่าเป็นกษัตริย์) ที่เกลียดผู้หญิงมาก เขาสาบานจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น จะอยู่เป็นโสดตลอดไป แต่เขาดันปั้นรูปปั้นผู้หญิงที่งามจนหาที่ติดไม่ได้ งามกว่าผู้หญิงคนไหนๆ และตั้งชื่อให้รูปปั้นว่า กาลาเทอา (Galatea)

เรื่องดันยุ่งยากขึ้นเมื่อเขากลับหลงใหลในรูปปั้นที่ตัวเองสร้าง หลงใหลมากกว่าความรักความชอบในงานศิลปะ หลงรักเหมือนที่เขาจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ และได้แต่เฝ้าหวังให้รูปปั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ เขาทำกับรูปปั้นเหมือนมันมีตัวตนจริงๆ สวมเสื้อผ้าให้ ใช้ชีวิตด้วยกันกับรูปปั้น ด้วยความที่รักเกินจะทน เขาจึงไปขอพรกับวีนัสเทพแห่งความรัก ขอให้เค้ามีคนรักที่งดงามอย่างรูปปั้น วีนัสจึงทำให้รูปปั้นของพิกเมเลียนมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ ทำให้เขาสมหวังกับรูปปั้นตัวเองที่กลายเป็นคน และมีลูกด้วยกันชื่อว่า พาฟอส (Paphos)

การที่พิกเมเลี่ยนเกลียดผู้หญิง แต่กลับมารักรูปปั้นตัวเองที่เป็นผู้หญิงก็ดูเป็นเรื่องเป็นไปได้ เค้าอาจจะไม่ชอบผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยสาเหตุบางอย่าง อาจจะเพราะไม่มีใครตรงใจ เลยเลือกที่จะปั้นผู้หญิงขึ้นมาให้ได้ดั่งใจตัวเองทุกอย่าง จนสุดท้ายแล้วมันดีพอที่เค้าจะรักมัน

ความรักของพิกเมเลี่ยนนั่นเป็นความรักที่สุดโต่ง เราเชื่อว่าการที่คนทำงานศิลปะทุกคนหลงรักผลงานตัวเองมันเป็นเรื่องปกติมาก เพราะงานศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของอุดมคติในความคิดเรา เพราะเราชอบมันเราถึงได้ทำ เพราะเราอยากให้มันออกมาเป็นแบบนั้นเราถึงได้ทำ และส่วนใหญ่ก็จะหลงใหลในสไตล์ตัวเองหรือสไตล์ที่คล้ายๆ ตัวเอง แต่ความรักของพิกเมเลี่ยนมันยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เพียงหลงรักสไตล์ของตัวเอง แต่หลงรักสิ่งที่ตัวเองทำในเชิงชู้สาว

ถือว่าเรื่องพิกเมเลียนเป็นอีกตำนานที่ทำให้เห็นความสามารถของอโฟรไดท์ หรือ เทพีวีนัส ที่สามารถบันดาลความปรารถนาเรื่องความรักให้เป็นจริงขึ้นมาได้ และยังมีอีกเยอะเกี่ยวกับความสามารถรวมถึงวีรกรรมที่วีนัสและคิวปิดสร้างไว้

เรื่องราวของพิกเมเลียนและกาลาเทอาไม่ได้เป็นที่แพร่หลายมากในทาง Fine Art เนื่องจากทั้งคู่ไม่ใช่เทพ เป็นเพียงเรื่องย่อยที่ทำให้เราเห็นความสามารถของวีนัส เราจึงไม่ค่อยเห็นผ่านรูปวาดหรือรูปปั้น แต่ในทางภาพยนตร์แนวคิดพิกมาเลียนถูกนำไปสร้างหลายรอบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นการนำตำนานและแนวคิดไปต่อยอด กลายเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการเห็นคุณค่าของมนุษย์ก็หลายเรื่อง ส่วนใหญ่จะฮิตทำในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

และถึงพิกเมเลียนจะเป็นตำนานที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่เรื่องของพิกเมเลียนถูกนำไปต่อยอดเป็นทฤษฎี Pygmalion Effect หรือสภาวะที่คิดอะไรแล้วจะเป็นแบบนั้น สถานการณ์ที่เราคาดการณ์หรือกังวลอะไรบางอย่าง แล้วสิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากเรากำลังคบกับคนรักอยู่ แต่มัวแต่กังวลเกี่ยวกับอนาคตว่าสักวันก็ต้องถึงจุดจบ สักวันก็ต้องเลิกกัน ความคิดเราจะส่งผลถึงพฤติกรรม ทำให้สุดท้ายแล้วต้องเลิกรากันจริง ๆ เหมือนกับว่ามีเทพมาทำให้เป็นแบบนั้น ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเพราะตัวเราและคนรอบข้างเอง

(อ้างอิงจาก http://setthasat.com/2011/10/17/self-fulfilling/)