มีนาคม เป็นเดือนที่ มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายต้องระวังให้มาก เพราะไม่มีวันหยุดเลยต้องทำงานกันเต็ม 4 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายต่อวันจะต้องถูกจัดเต็ม แล้วมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเรียนจบ สตาร์ทด้วยเงินเดือน 15,000 บาทแถมอยู่หอ และต้องส่งให้ทางบ้านด้วย แต่ยังมีเงินเก็บ มีวิธีการอย่างไรมาดูกันเลย
– ได้เงินเดือนออกมาแล้วหักภาษี ประกันสังคม เหลือประมาณ 14,000 บาท (+- ไม่เกิน 200)
– จัดการเรื่องที่อยู่อาศัยก่อน ค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต 4,500 บาท
– ส่งให้ทางบ้าน เดือนละ 3,000 บาท
– กูรูทางการเงินบอกไว้ว่าเมื่อเริ่มต้นชีวิตการทำงานควรเก็บเงินให้ได้ 10 % ของรายรับดังนั้นกันเงินเก็บก่อนเลย 1,500 บาท
– เหลือเงิน สำหรับกินทั้งเดือน 5,000 บาทเท่ากับจะมีเงินใช้จ่ายต่อวันอยู่ที่ประมาณ 160 บาท
ค่าใช้จ่ายต่อวัน 160 บาท แบ่งเป็น
– ค่าเดินทางต่อวัน มีรถเมล์ รถตู้ ไป-กลับอยู่ที่ 80 บาท
– ค่าอาหารเช้าทำขนมปังง่ายๆมาจากบ้าน และ หุงข้าวสวยมาจากบ้านซื้อกับข้าวถุงละ 30 บาท
– ค่าอาหารเย็นหุงข้าวและซื้อกับข้าวถุงง่ายๆ 1 อย่างมีไข่ไว้ที่หอ และซื้อบะหมี่สำเร็จรูปเอาไว้จะมีค่าอาหารเย็นเหลืออยู่ที่ 50 บาท
– หากเฉลี่ยเงินแล้วจะทำให้สามารถอยู่ได้จากค่ากินอยู่เดือนละ 5,000 แต่ต้องงดการซื้อเครื่องดื่มหวานเย็น อาศัยกาแฟออฟฟิศ น้ำเปล่าที่ออฟฟิศ (หากระบอกน้ำไว้เติมก็ดี) ประหยัดส่วนนี้ได้จะประหยัดเงินได้โขทีเดียว
– ซื้อข้าวสาร ไข่ และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเก็บไว้โดยเฉลี่ยมาจากเงิน 5,000 บาท (เสาร์ – อาทิตย์ เป็นวันหยุดไม่มีค่าเดินทาง) จะสามารถทำให้ดำรงชีพอยู่ได้
– ถ้าต้องการพักผ่อน ไปเดินเล่นในห้าง หรือ สวนสาธารณะ บ้างก็ได้ และถ้าพอเซฟเงินได้ จะสามารถดูหนังได้เดือนละ 1 เรื่องเลยทีเดียว
ถือว่าเป็นแนวทางให้สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในกทม.ซึ่งปัจจุบันค่าครองชีพ สูงปรี๊ดส์ และถ้าทำได้เช่นนี้ทุกเดือนนั่นหมายความว่า คุณจะมีเงินเก็บตลอดทั้งปี อยู่ที่ประมาณ 18,000 บาททำให้มีต้นทุนในการใช้ชีวิตต่อในปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าถ้าทำงานครบปี มีโอกาสที่จะได้ปรับเงินเดือน ได้โบนัสอีก นั่นก็หมายถึงเราสามารถยืดหยุ่นค่าใช้จ่ายได้บ้าง โอกาสที่จะขยับขยายชีวิตการทำงานก็มีสูงตามไปด้วย