ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสองข่าวเกี่ยวกับ AI ที่เรียกได้ว่าย้อนแย้งกันอย่างน่าสนใจค่ะ ข่าวแรกเป็นรายงานจากเว็บไซต์ Entrepreneur ที่ระบุว่า AI กำลังสร้างเศรษฐีเงียบ ๆ จำนวนมาก โดยระบุว่าเจ้าปัญญาประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นในทุกวงการนั้นไม่ได้จะมาแย่งงานของมนุษย์ แต่เป็นเครื่องมือชั้นดีในการทดแทนจุดอ่อนของมนุษย์ ทั้งความลังเล อารมณ์ และอคติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าผู้ใช้ AI เพื่อการเทรดและลงทุน เพราะความสามารถของ AI แม้ตลาดจะผันผวนเพียงใด ด้วยระบบความคิดของปัญญาประดิษฐ์ สามารถช่วยวิเคราะห์และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในช่วงวิกฤติได้
จากรายงานดังกล่าว ดูจะตรงกับการใช้งานจริงที่ผู้เขียนเองได้มีโอกาสสนทนากับเพื่อนที่เป็นนักลงทุนในตลาดทองคำ ที่เรียนรู้การใช้ AI เพื่อทำให้การสร้างพอร์ตของตนเองในตลาดทองคำเติบโต ด้วยความที่เพื่อนผู้เขียนรายนี้อยู่ในตลาดค้าทองคำมาเป็นเวลานาน มีประสบการณ์ตั้งแต่ใช้หนึ่งสมองสองมือของตนเอง ในการวิเคราะห์ความผันผวนของตลาดทองคำ
พอก้าวเข้าสู่ยุค AI เพื่อนของผู้เขียนได้ปรับตัวตามสถานการณ์ และพบว่า AI เป็นเครื่องมือชั้นดี ในการช่วยให้การวิเคราะห์นั้นแม่นยำขึ้น ที่สำคัญ ทำให้เจ้าตัวไม่ต้องเครียดจากกระดานราคาที่มีความผันผวนตลอด 24 ชั่วโมง ในมุมมองของเพื่อนผู้เขียนนั้นระบุเช่นเดียวกับในบทความของ Entrepreneur ว่า AI คือเครื่องมือ และไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อแย่งงานมนุษย์
บทความจาก Entrepreneur ดูเหมือนจะทำให้เราได้เห็นด้านที่ดีของปัญญาประดิษฐ์ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีรายงานข่าวจากสำนักข่าว The Guardian ของอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าผู้ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังการพัฒนา AI ในหลายเทคคอมพานี เริ่มออกมาพูดตรงกันว่า “เราไม่ควรเชื่อใน AI มากเกินไปนัก” เพราะแท้จริงแล้ว ศักยภาพบางอย่างของ AI ยังไว้ใจไม่ได้
โดยระบุว่าปัญหาไม่ใช่เรื่องการพัฒนาระบบ หากเป็นวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทใหญ่หลายแห่งที่เร่งผลิต AI โดยให้ความสำคัญกับ “ความเร็ว” มากกว่า “คุณภาพ” หรือ “จริยธรรม” ซึ่งสร้างปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ข้อมูลในการฝึก AI การตรวจสอบ และการส่งระบบออกสู่ผู้ใช้โดยไม่ผ่านการทดสอบอย่างรอบด้าน
จะเห็นว่าทั้งสองข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อที่เชื่อถือได้นั้น อย่างเว็บไซต์ Entrepreneur และสำนักข่าว The Guardian ทำให้เห็นว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence นั้น ต้องมีการพิจารณาในการใช้งานให้เหมาะสมกับบุคคลหรือองค์กร การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสมัยของ AI ควรเป็นการเปลี่ยนผ่านอย่างมีสติมากกว่าจะวิ่งไปตามกระแส มิเช่นนั้นแล้ว ฟองสบู่ AI อาจแตกกระจายใส่หน้าผู้ใช้งานก็เป็นได้
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ





























