ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงน่าจะเคยเห็นว่าคอลัมน์ชะนีติดซีรีส์ชอบบ่นออกสื่อบ่อย ๆ ว่ารอซีรีส์เรื่องนั้นเรื่องนี้นานมาก ประมาณว่าเห็นมีข่าวว่าจะสร้างหรือเริ่มทาบทามนักแสดงคนนั้นคนนี้และนักแสดงก็ตกลงรับงานเรียบร้อยแล้ว มีความคืบหน้ารายงานออกมาอยู่เรื่อย ๆ บ้างก็ว่าถ่ายจบปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังปล่อยออนแอร์หรือลงสตรีมสักที รอจะเหนื่อย รอจนลืม รอจนคิดไปเองว่าน่าจะเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ถูกดองเค็มไปตลอดกาลซะแล้ว สำหรับผู้เขียน มีซีรีส์อยู่เรื่องหนึ่งที่ให้ความรู้สึกแบบที่กล่าวไปข้างต้น คือรอจนลืมไปแล้วว่ามีซีรีส์เรื่องนี้อยู่ในสารบบ แต่…ในที่สุดก็ได้ดูสักที!
When the Stars Gossip คือซีรีส์เรื่องที่บ่นไปเมื่อย่อหน้าที่แล้ว ถามว่ารอนานแค่ไหน ซีรีส์เรื่องนี้มีข่าวว่าเริ่มต้นถ่ายทำเมื่อเดือนเมษายน ปี 2022 แรก ๆ มีข่าวว่าอาจจะไดดูช่วงปลายปีเดียวกันหรือช้าสุดคือต้นปี 2023 นี่ก็รอแล้วรอเล่า ผ่านปี 2022 ไปก็แล้ว 2023 ก็แล้ว รอจนลืม 2024 ก็รอมาทั้งปี ไม่มีอะไรอะไรคืบหน้าเลย จนกระทั่งต้นปี 2025 นี่แหละที่สมหวังจนได้ ไอ้การรอซีรีส์เรื่องนี้แบบไร้ความหวังมาเกือบ 3 ปีเนี่ย ถ้าไม่รัก (พระเอก) จริง ๆ นี่ทำไม่ได้นะจะบอกให้
When the Stars Gossip หรือชื่อไทยจาก Netflix ว่า “ดาวระยิบกระซิบรัก” ให้ฟีลนิยายไทยโรแมนติกเว่อร์ ชวนจั๊กจี้หัวใจดีจริง ๆ เป็นซีรีส์แนวรอมคอมไซไฟ (โรแมนติก+คอเมดี+ไซไฟ) ที่ดู ๆ แล้วก็เป็นการผสาน genre ที่ให้ความแปลกใหม่ดี ทั้งยังกล้าที่จะออกนอกกรอบ (จริง ๆ คือไปนอกโลกเลย) ด้วยการยกความรอมคอมขึ้นไปอยู่บนอวกาศ ที่แม้ว่าปัจจุบันมันจะเป็นเพียงจินตนาการที่เกิดขึ้นในซีรีส์ แต่มันก็ดูสมจริงอยู่นะ เป็นภาพแบบที่พอจะเชื่อได้ว่าคงได้เห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้นจริงในอนาคตได้ในสักวัน ภาพสวย CG ต่าง ๆ ดูสมจริงไม่หลอกตา ก็แหงล่ะ ใช้ทุนสร้างตั้งกว่า 5 หมื่นล้านวอน คุณภาพก็เสิร์ฟตามทุนได้เลย
When the Stars Gossip เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวที่ไปพบรักกันบนห้วงอวกาศ หญิงสาวเป็นนักวิทยาศาสตร์และบินอวกาศผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ เนื่องจากอวกาศมีอันตรายอยู่รอบตัว เธอจึงต้องเคร่งครัดในกฎทุกอย่าง และจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว โดยการเดินทางครั้งนี้ นอกจากจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับภารกิจเป็นผู้บัญชาการสถานีอวกาศแล้ว เธอยังต้องพ่วงนักท่องเที่ยวอวกาศมาด้วยอีก 1 ชีวิต เขาเป็นอดีตสูตินรีแพทย์หนุ่ม ว่าที่ลูกเขยของเศรษฐีกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลี และยอมจ่ายเงินก้อนโตถึง 7 หมื่นล้านวอนเพื่อเดินทางไปสถานีอวกาศในฐานะนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่วัน เพราะตัวเขาเองก็มีภารกิจลับบางอย่างที่บอกใครไม่ได้
คน 2 คนที่บังเอิญมาพบกันในสถานที่ที่ไม่ธรรมดา และก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ดึงดูดเข้าสู่วงจรของกันและกันในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ ซึ่งก็ไม่ง่ายนักที่จะได้ไปพบรักกันในที่แบบนั้น ที่สำคัญก็คือ ต่างคนต่างมีตัวจริงรออยู่บนภาคพื้นโลกอยู่แล้วด้วย พระเอกมีว่าที่เจ้าสาวที่เตรียมแต่งตัวรออยู่ ส่วนนางเอกก็มีแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันรออยู่เหมือนกัน แถมพระเอกยังมีแฟนเก่าของว่าที่เจ้าสาวคอยป่วยภารกิจอีก ในขณะเดียวกันพระเอกกับนางเอกก็ต้องรีบสปาร์กกันให้ได้ใน 8 วันระหว่างทริปเที่ยวอวกาศ มีแต่เงื่อนไขที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้นเลย ต้องมาคอยลุ้นต่อไปว่าเรื่องจะเล่าให้รักสามเส้าเราห้าคนไปจบลงที่ตรงไหน
นอกจากนี้ ยังมุกขำ ๆ ที่ชะนีชาวเน็ตแซวพระเอกเรื่อง When the Stars Gossip ว่า ซีรีส์เรื่องนี้ได้ทำลายตำนานคนรวยของ “อีมินโฮ” ลงได้เสียที ความเล่นซีรีส์กี่เรื่องก็รับบทเป็นคนรวยมากตลอด ๆ ขนาดเป็นนักต้มตุ๋นก็ยังรวย เลยเป็นสิ่งที่แฟน ๆ อยากเห็นมานานแล้วว่าเบ้าหน้าพระเจ้าประทานมาให้แบบนี้จะเล่นเป็นคนยากจนข้นแค้นยังไงไหว สรุปก็คือ คนดูไม่อินว่าเป็นคนจน 555 ออร่าความเป็นเศรษฐียังอยู่ แค่ปากบอกว่าจนและลำบากมากแค่นั้นเอง 555 ฝีมือทางการแสดงอาจเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่เบ้าหน้าพี่เป็นคนจนไม่ไหวจริง ๆ ขอโทษทีที่ดูยังไงก็ไม่จน!
ยินดีด้วยครับที่ได้เป็นแม่คนแล้ว
ถึงแม้ว่าในเรื่องย่อจะบอกมาแล้วคร่าว ๆ ว่าพระเอกเป็นสูตินรีแพทย์ แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะเล่ามาในเวย์นี้ได้ บอกเลยว่าตอนแรกก็จับทางไม่ถูกเหมือนกัน ว่าหมอสูติฯ จะจับพลัดจับผลูขึ้นไปท่องเที่ยวอวกาศทำไม ซึ่งพอเรื่องเล่าออกมาแล้วยิ่งว้าวกว่าเดิมอีก เพราะมันเล่าถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ที่อาจทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนที่อยากมีลูก แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ยินหมอพูดว่า “ยินดีด้วยครับที่ได้เป็นแม่คนแล้ว” ได้มีความหวังอีกครั้งหนึ่ง
ในเรื่องจะเล่าว่า เมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าภาวะการมีบุตรยาก ที่มีสาเหตุจากการที่เซลล์อสุจิของผู้เป็นพ่อมีลักษณะผิดรูปและมีข้อบกพร่องทางพันธุกรรม เนื่องจากการที่มนุษย์อยู่บนโลกก็จะถูกแรงโน้มถ่วงบีบอัดให้ผิดรูป แต่เมื่ออยู่บนอวกาศที่ทุกอย่างอยู่ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง ร่างกายจะกลับสู่สภาพตามธรรมชาติ นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่หากนำเซลล์อสุจิขึ้นไปอยู่บนอวกาศให้อยู่ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง จะทำให้เซลล์อสุจิที่ผิดรูปกลับมาอยู่ในสภาพปกติได้ และเมื่อนำไปฉีดเข้ากับเซลล์ไข่ของผู้เป็นแม่ ก็จะเกิดการปฏิสนธิขึ้น และเราก็จะสามารถสร้างตัวอ่อนด้วยการทำเด็กหลอดแก้วได้ตามปกติแบบที่วงการแพทย์สามารถทำได้มานานแล้ว
ซึ่งนี่แหละคือภารกิจที่พระเอกต้องไปอวกาศเพื่อหาทางแก้ปัญหาภาวะการมีบุตรยากให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ของว่าที่พ่อตาผู้เป็นมหาเศรษฐี และในอีกทางหนึ่ง ก็เป็นการรับโทษที่เขาจำเป็นต้องผ่าตัดช่วยชีวิตลูกสาวของมหาเศรษฐีผู้นี้ไว้ แต่มันมีผลข้างเคียงที่ทำให้เธอไม่สามารถมีลูกได้อีก ในมุมของหมอ เขาไม่มีทางเลือกเพราะต้องช่วยชีวิตเธอให้ได้ แต่ในมุมของมหาเศรษฐีกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีก็น่าเห็นใจเหมือนกัน เพราะเขาจะไม่มีทายาทรุ่นหลานมาสืบทอดตระกูลอีก ลูกชายกับลูกสะใภ้ก็มีลูกยาก (และต่อมาลูกชายก็เสียชีวิตไป) ส่วนลูกสาวก็เป็นหมันไปซะแล้ว
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้หญิง 2 คนที่อยากมีลูกมาก ๆ จะไม่มีโอกาสได้ยินหมอพูดกับตัวเองว่า “ยินดีด้วยครับที่ได้เป็นแม่คนแล้ว” มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าหดหู่อยู่ไม่น้อย ส่วนตัวไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนั้นหรอกว่าการอยากมีลูกมาก ๆ มันเป็นยังไง เพราะไม่เคยคิดอยากจะมี แต่ก็พอจะอินตามความรู้สึกของคนเป็น “แม่” ได้อยู่ ว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากเป็นแม่ของใครสักคน ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่มีอยู่อย่างเหลือล้น แล้วเธอไม่สามารถมีลูกได้ มันก็ดูจะเจ็บปวดจริง ๆ
คุณเป็นหมอที่เก่งมากค่ะ ดีใจจังที่คุณขึ้นมาบนอวกาศด้วย
เคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่ (ซึ่งจำไม่ได้แล้ว) ว่าผู้ชายจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ถ้ามีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำและสิ่งที่เขาเป็น หากตัวตนของเขาได้รับการยอมรับและถูกชื่นชม เขาจะรู้สึกพึงพอใจมาก ๆ และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า พูดง่าย ๆ ก็คือ รู้สึกใจฟูนั่นแหละ แล้วใครที่สามารถเห็นในตัวตนเหล่านั้นของพวกเขาได้ เขาก็จะรู้สึกดีกับคนคนนั้น ที่ยอมรับและชื่นชมในสิ่งที่เขาเป็นจากใจจริง นี่แหละที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความคิดของพระเอกที่มีต่อแฟนสาวของเขา แฟนสาวคนที่เขาเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าที่มาคบกับเธอเพราะรักเธอจริง ๆ หรือมันเป็นความใคร่ตามประสาคนหนุ่ม หรือเพราะต้องการจะแก้แค้นพ่อของเธอกันแน่
สิ่งที่แฟนสาวของเขามักพูดกับเขาเป็นประจำคือ “ฉันรักคุณ” มันเป็นคำบอกรักที่มีความหมาย แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกใจฟูในตัวตนของเขาเท่าไรนัก ตลอด 3 อีพีที่ผ่านมา จะเห็นว่าตัวละครพระเอกภาคภูมิใจในความเป็นหมอของตัวเองมาก โดยเฉพาะการเป็นหมอสูติฯ ที่ให้กำเนิดชีวิตใหม่ เธอรู้ว่าเขาทำงานอะไร ที่สำคัญเขาเคยช่วยชีวิตเธอจากการการตั้งครรภ์นอกมดลูกด้วยซ้ำ แต่แฟนสาวไม่เคยชื่นชมเขาในเรื่องนี้เลย หนำซ้ำพ่อของเธอยังเอาแต่โทษ่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้เธอกลายเป็นคนมีลูกไม่ได้ แถมยังกลั่นแกล้งให้เขาสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองสารพัด ตั้งแต่ทำให้เขาทำงานหมอไม่ได้อีก และล่าสุด คือการหลอกใช้ให้เขาเป็นแค่คน “ส่งของ” จากโลกไปอวกาศ
ในทางตรงกันข้าม นางเอกที่เขาเพิ่งเจอแค่ไม่กี่ชั่วโมงในระหว่างเดินทางสู่สถานีอวกาศ กลับเอ่ยชมเชยตัวตนของเขา และแสดงออกอย่างภาคภูมิใจมาก ๆ ที่มีเขาซึ่งเป็น “หมอ” เดินทางขึ้นมาบนอวกาศด้วย จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นอาการหวั่นไหวของพระเอกในตอนท้ายของอีพี 2 และตอนต้นของอีพี 3 และเธอก็เป็นคนที่ยอมเจ็บตัวเพื่อช่วยชีวิตเขาด้วย ทำให้เขายังมีชีวิตที่จะเป็นหมอเพื่อดำเนินปณิธานในการช่วยเหลือชีวิตอื่น ๆ ต่อไปได้
การสำรวจอวกาศเป็นภารกิจฆ่าตัวตายนั่นแหละค่ะ แม้แต่นักบินอวกาศยังเขียนพินัยกรรมก่อนออกไปเลย
ในอีพี 3 ดูเหมือนว่าความรู้สึกของพระเอกที่มีต่อนางเอกจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ เมื่อเธอยืนกรานว่าเธอต้องออกไปนอกสถานีอวกาศเพื่อสำรวจอวกาศ และเธอบอกกับเขาว่าถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ผู้บัญชาการอย่างเธอคือคนแรกที่ควรเสียชีวิต แต่พระเอกก็เป็นห่วงเรื่องที่มันไม่ปลอดภัย พยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามารั้งไม่ให้เธอออกไป แน่นอนว่าเธออ่านเจตนาที่แท้จริงของพระเอกออก แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงไปว่าเขากำลังล้ำเส้น เป็นแค่นักท่องเที่ยวที่จ่ายเงินมหาศาลมาเที่ยวอวกาศ จะริอ่านมาสั่งสอนหรือออกคำสั่งกับผู้บัญชาการที่มีประสบการณ์และทำงานในห้องทำงานที่เรียกว่าอวกาศมานานอย่างเธอได้ยังไง
เมื่อก่อน นี่ก็เคยนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเขาจะสำรวจอวกาศกันไปทำไมนะ แล้วก็เพิ่งจะพยายามหาคำตอบมาได้เมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะอวกาศเคยเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลอะไรที่มนุษย์เราไม่ได้รู้จักเป็นอย่างดี แค่แหงนหน้าขึ้นไปแล้วก็เห็นทอ้งฟ้า เห็นดวงจันทร์ เห็นหมู่ดาวต่าง ๆ จนกระทั่งมาในช่วงยุคสมัยหนึ่ง ก็มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่เริ่มศึกษาดาราศาสตร์และอวกาศจากบนพื้นโลกเท่าที่จะสังเกตได้ คำนวณได้ตามหลักคณิตศาสตร์ และเท่าที่เครื่องไม้เครื่องมือในเวลานั้นจะอำนวย ต่อมาก็เริ่มคิดการณ์ใหญ่ขึ้น ส่งมนุษย์จริง ๆ ออกไปนอกโลกขึ้นไปสำรวจอวกาศ แน่นอนว่าในเวลานั้นมันเป็นอะไรที่ท้าทายธรรมชาติมาก ๆ เพราะต้องเอาชนะแรงโน้มถ่วงให้ได้ และมนุษย์เราก็ทำได้สำเร็จ
อวกาศที่เวิ้งว้างบนดินแดนอันไกลโพ้น ถึงจะมีมนุษย์หลายคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และก็มีมนุษย์อีกหลายคนที่เคยพิชิตมันได้ด้วยการพาตัวเองออกไปอยู่ในอวกาศ แต่ยังมีอีกหลายสิ่งอย่างในอวกาศที่ยังเป็นสิ่งเร้นลับและอันตรายมาก ๆ มันเหมือนกับว่าเราไม่รู้เลยว่าการเดินออกไปนอกสถานีอวกาศ เราจะเจอกับอะไรที่ไม่คาดคิดล่วงหน้ามาก่อนบ้าง แบบที่นางเอกก็รู้อยู่แล้วและพระเอกก็พยายามเตือนนางเอกอีกที แต่ในเมื่อมันเป็นภารกิจ มันเป็นหน้าที่ มันเป็นงานที่ต้องทำ ก็คงปฏิเสธอันตรายเหล่านั้นไม่ได้ คิด ๆ แล้วก็ชื่นชมเหล่าบรรดานักบินอวกาศและนักสำรวจอวกาศเหมือนกันนะ สิ่งที่พวกเขาทำไม่ใช่แค่สนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
ถึงจะใช้เวลารอซีรีส์เรื่องนี้มานานเกือบ 3 ปี แต่ When the Stars Gossip ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ทั้งตัวของพระเอก “อีมินโฮ” เอง ที่แทบจะเป็นเมนคนแรก ๆ ที่พาเข้าสู่วงการซีรีส์เกาหลีและออกไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ เจ๊กง “กงฮโยจิน” ที่ปีนี้อายุย่าง 45 ปีแล้ว (ตอนที่ถ่ายเรื่องนี้ก็ 40 กว่าแน่ ๆ) ก็ยังสวยสมวัย แล้วพอมารับบทเท่ ๆ แบบผู้บัญชาการสถานีอวกาศอีก คือแบบ My Idol สุด หรือจะตัวละครสมทบอย่าง “ฮอนัมจุน” ที่เป็นปลื้มเขามาตั้งแต่บทพระรองนิ่ง ๆ เท่ ๆ ใน When the Phone Rings มาเรื่องนี้ทำใจละลายกว่าเดิมอีก ที่สำคัญ When the Stars Gossip ยังเป็นซีรีส์ไม่กี่เรื่องในช่วงนี้ที่จัดมาให้ 16 อีพี คิดว่าจะต้องมีอะไรให้เล่าอีกเยอะแน่ ๆ เลย🧑🚀
