‘พยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน’ เสาหลักระบบสุขภาพปฐมภูมิ


ทิศทางสาธารณสุขของประเทศไทยได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน นับตั้งแต่เมื่อเกือบ 4 ปีก่อน ที่พระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ พุทธศักราช 2562 มีผลบังคับใช้ เพื่อลดความแออัดของระบบโรงพยาบาล ส่งผลให้มีการกระจายอำนาจการดูแลสุขภาพประชาชนไปยังชุมชน จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่บทบาทของ “พยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน” ซึ่งเปรียบเหมือนเสาหลักของระบบสุขภาพปฐมภูมิให้ทวีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย

รองศาสตราจารย์ ดร.ปาหนัน พิชญภิญโญ ประธานหลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน และอาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บอกเล่าถึงความเป็นมาของหลักสูตรว่าเกิดขึ้นเมื่อ 76 ปีก่อน พร้อมกับการก่อตั้งของคณะฯ ซึ่งเปรียบเหมือนรากฐานของการศึกษาด้านการสาธารณสุขในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย

โดยในระยะแรกใช้ชื่อหลักสูตรเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาควิชา แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน” และได้มีการปรับปรุงหลักสูตรในทุก 5 ปี จัดการเรียนการสอนตามทิศทางนโยบายสาธารณสุขของประเทศไทย โดยในยุคแรกเน้นเรื่องการส่งเสริมสุขอนามัยและสุขภาพทั่วไป มาถึงปัจจุบันได้มุ่งให้บริการสู่ระดับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดูแลโรคเรื้อรัง และการดูแลสุขภาพองค์รวมสำหรับประชาชนในทุกช่วงวัย

โดยทั่วไป “พยาบาลวิชาชีพ” (Licensed Nurse) เมื่อสำเร็จการศึกษาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน จากสถาบันที่ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาลและขึ้นทะเบียนไว้ สามารถรักษาโรคเบื้องต้น หรือกลุ่มอาการ โดยมีข้อแตกต่างในทางปฏิบัติ ตามประกาศสภาการพยาบาล ตรงที่ “พยาบาลเวชปฏิบัติ” (Nurse Practitioners) สามารถรักษาโรค และใช้ยาได้ตามรายการและการวินิจฉัยสำหรับพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไป

หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลจัดการเรียนการสอนแบบหลักสูตรไทย เนื่องด้วยยังคงยืนยันเจตนารมณ์เพื่อการผลิตพยาบาลเวชปฏิบัติชาวไทยที่มากด้วยคุณภาพ ออกไปรับใช้ชุมชนและประเทศชาติ โดยสามารถทำงานวิจัยที่ได้มาตรฐานนานาชาติ และกำหนดให้จัดทำวิทยานิพนธ์เป็นภาษาไทยก่อนสำเร็จการศึกษา เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับประชากรชาวไทย และเชื่อมั่นได้ถึงคุณภาพของหลักสูตรซึ่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยอาเซียน AUN-QA (ASEAN University Network Quality Assurance)

พร้อมด้วยคณาจารย์พยาบาลของหลักสูตรฯ ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอกร้อยละ 100 และคณาจารย์ถึงร้อยละ 80 ของหลักสูตรฯ สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา อาทิ จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน (University of Wisconsin-Madison มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) มหาวิทยาลัยนอร์ทคาโรไลนา (University of North Carolina) มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) มหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) มหาวิทยาลัยทูเลน (Tulane University) และมหาวิทยาลัยคาธอลิกแห่งอเมริกา (The Catholic University of America) เป็นต้น

ที่ผ่านมาได้มีการเทียบเคียงมาตรฐานการศึกษาระหว่างหลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กับมหาวิทยาลัยในเอเชีย พบว่าหลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีมาตรฐานใกล้เคียง (benchmark) กับมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University) ในสาขา Master of Science in Community Health Nursing

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนทุนวิจัยและรางวัลต่าง ๆ จากผลงานของนักศึกษาในหลักสูตรฯ ที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นักศึกษาของหลักสูตรฯ สามารถคว้าทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาแนวทางให้คำปรึกษาทางโทรเวชสำหรับลดภาวะน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และการดูแลให้คำปรึกษาเพื่อลดภาวะอ่อนล้าในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด เป็นต้น

นับเป็นความโชคดีของนักศึกษาที่จะเข้ามาเรียนในหลักสูตรฯ ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับเงื่อนไขการศึกษาให้กระชับขึ้น เพื่อให้สามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 2 ปี โดยได้จัดให้มีการศึกษาในชั้นเรียน (Coursework) เพียงปีแรกปีเดียว เพื่อให้ปีต่อไป จะได้ใช้เวลาในการทำวิทยานิพนธ์ได้อย่างเต็มที่ และจะได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงจากการลงพื้นที่ศึกษาดูงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

มหาวิทยาลัยมหิดล โดยหลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะสาธารณสุขศาสตร์ พร้อมต้อนรับพยาบาลวิชาชีพที่สำเร็จการศึกษาพยาบาลในระดับปริญญาตรีจากทุกสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรฯ ขอเพียงมีความตั้งใจจริง และพร้อมที่จะร่วมพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิของประเทศไทยในเชิงรุก เพื่อทำให้นโยบายสาธารณสุขชาติ “ใกล้บ้านใกล้ใจ” สามารถเข้าถึงประชาชนทุกคนในชุมชนได้อย่างแท้จริง

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ [email protected]