4-4-2 กลับมาแล้ว!

ประโยคที่ว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงการฟุตบอลนั้น” เป็นสิ่งที่ผมเชื่อตั้งแต่วันที่เห็น ไมเคิ่ล โอเว่น ยอมขายวิญญาณไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด! ดังนั้นในวันนี้เมื่อระบบการเล่นที่หลายคนเชื่อว่าตายไปแล้วอย่างระบบ 4-4-2 อันสุดคลาสสิคจะถูกกุนซือหลายคน รวมทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ เฮดโค้ช ลิเวอร์พูล ปัดฝุ่นนำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อแก้วิกฤติ คงไม่ใช่เรื่องที่จะน่าตื่นเต้นจนเกินไปนัก

“โฟร์โฟร์ทู” รูปแบบการเล่นแบบนี้เคยได้รับความนิยมยิ่งนักในช่วงทศวรรษที่ 80 และ 90 ในถิ่นแอนฟิลด์นั้น ปรมาจารย์ บ็อบ เพสลี่ย์ เป็นผู้นำมาใช้พร้อม ๆ กับการซื้อตัว เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามา โดยสุดยอดกุนซือยอมเปลี่ยนแปลงรูปแบบเดิมคือ 4-3-3 มาเล่นระบบใหม่ จนนำพาความความสำเร็จมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 70 เป็นต้นมา 

ช่วงที่ถูกจดจำมาก ๆ ก็คือในยุคปี 1988 โดยสโมสรมีมิดฟิลด์ห้องเครื่องอย่าง สตีฟ แม็คมาน กับ รอนนี่ วีแลน ซ้ายเป็น จอห์น บาร์นส์ ขวาเป็น เรย์ เฮาจ์สัน โดยมีคู่กองหน้าคือ ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ และจอห์น อัลดริดจ์

ส่วนสโมสรอื่น ๆ ที่ใช้ระบบ 4-4-2 จนรุ่งเรืองเช่นเดียวกันนั่นก็คือ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ในยุค อาร์ริโก้ ซาคคี่ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั่นเอง

หลังจากนั้นฟอร์เมชั่นอันสุดคลาสสิคที่ว่านั้นค่อย ๆ จางหายไปจากวงการฟุตบอล เมื่อวิธีการทำทีมใหม่ ๆ ของสองโค้ชดาวรุ่ง (ในช่วงนั้น) อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และราฟาเอล เบนิเตซ ผู้ชักนำระบบใหม่ 4-2-3-1 ช่วงปี 2004 เป็นต้นมา กลายเป็น “ของใหม่” ที่สร้างความฮือฮา โดยการเล่นที่มี “หน้าเป้า” เพียงคนเดียว และต่อมากลายเป็น “ฟอลส์ไนน์” บ้าง จนล่าสุดกลายเป็น 4-3-3 ของ เป๊ป กวาดิโอล่า ที่ได้รับความนิยม จะยืนยาวจนถึงเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ

แต่มาในวันนี้อยู่ดี ๆ ระบบ 4-4-2 ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งอย่างมีนัยสำคัญโดยคล็อปป์ เพื่อแก้ปัญหาหลายอย่างในทีม ตั้งแต่ การถูกคู่ต่อสู้เริ่มจับแนวทางการเล่นได้ รวมไปถึงเกมรับหละหลวม และความไม่สมดุลในการเล่น

ระบบนี้เปิดโอกาสให้มีสองมิดฟิลด์คู่กลาง เพื่อเป็นโล่ป้องกันเกมรุกของคู่ต่อสู้ แก้ไขปัญหามีพื้นที่ว่างหน้าแผงหลังมากเกินไป ส่วนคู่ศูนย์หน้านั้นกุนซือเยอรมัน สามารถใส่ ซาลาห์ บวกกับใครอีกคนระหว่าง ฟีร์มีโน่ หรือ นูนเญซ ลงไป โดยก่อนหน้านั้น คล็อปป์ ไปจัดวาง “บังโม” ในตำแหน่งมิดฟิลด์ทางกราบขวาซึ่งถือว่าเสียของยิ่งนัก รวมทั้งการเอา ดิอ๊าซ ไปเล่นทางซ้าย ซึ่งสุดท้ายมันจะดูเหมือน 4-2-4 เสียมากกว่า เพราะไม่มีคนเล่นเกมรับเลย

มาล่าสุดในเกมกับเรนเจอร์สและแมนฯ ซิตี้ คล็อปป์ เริ่มมองเห็นอะไรมากขึ้น เขาเริ่มใช้งานระบบ 4-4-2 ได้อย่างเหมาะสม โดยให้นักเตะพลังหนุ่มและมีความเป็นมิดฟิลด์ตัวริมเส้นมากกว่าอย่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต กับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ลงไปทำหน้าที่ทางกราบทั้งสองข้าง ทุกอย่างเลยเริ่มเข้าที่เข้าทาง แม้ คล็อปป์ จะต้องตัดใจยอมเลือกนักเตะสองในสามคนนี้ระหว่าง เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ หรือติอาโก้ ลงเป็นมิดฟิลด์คู่กลาง 

สุดท้ายในวงการลูกหนังไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน อยู่ที่คุณจะเลือกใช้อะไรซึ่งเหมาะสมกับคุณมากที่สุด ในสถานการณ์นั้น ๆ แต่เชื่อว่าหลังจากพาทีมคืนฟอร์มโค่น “เรือใบสีฟ้า” ได้สำเร็จ 1-0 สมดุลเริ่มกลับมา ยอดโค้ชชาวเยอรมันคงจะต้องเทใจให้กับระบบนี้ต่อไปอีกนานพอสมควรเลยทีเดียว.