7 ทักษะที่จำเป็นต่อ “การหางาน” ในยุคนี้

ภาพจาก freepik.com

ด้วยโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วบวกกับวิกฤติไวรัส เป็นตัวเร่งให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดเร็วขึ้น หลายองค์กรจึงต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อให้ตนเองอยู่รอด อย่างไรก็ตาม ฟันเฟืองที่สำคัญสำหรับองค์กรก็คือ “พนักงาน” ดังนั้น การสรรหาบุคคลเข้ามาทำงานก็ต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย โดยองค์กรจะมองหาทักษะและความสามารถในตัวพนักงานในแบบที่องค์กรต้องการจริง ๆ เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ และองค์กรได้ประโยชน์สูงสุด

แน่นอนว่าคนหางานก็จำเป็นต้องปรับตัวและสร้างหรือเพิ่มทักษะให้กับตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการหางานในยุคนี้มีดังนี้

1. ทักษะด้านดิจิทัล

อย่างการ Work from Home ทำให้หลายองค์กรต้องปรับตัวให้เท่าทันโลกดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่พนักงานด้าน IT เท่านั้นที่ต้องเก่ง แต่พนักงานสาขาอื่นก็ควรจะมีความรู้พื้นฐานไว้บ้าง เพราะเราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เป็นดิจิทัลในการทำงานยุคนี้ ลองหาคอร์สที่สอนใช้การใช้งานด้านดิจิทัลเพิ่มเติม อาจสอบเพื่อรับใบรับรองไว้ด้วยก็ได้ จะช่วยให้เรามีจุดเด่นที่ได้เปรียบคนอื่น และปรับตัวเข้ากับองค์กรได้ง่ายขึ้น

2. ทักษะความคิดสร้างสรรค์

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การทำงานและการแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์แบบเดิม ๆ ซึ่งอาจตามคนอื่นไม่ทัน องค์กรจึงต้องสรรหาบุคลากรที่มีไอเดีย มีวิธีคิดใหม่ ๆ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ในแบบที่แตกต่างจากคนอื่น เพราะการเริ่มต้นก่อนมักได้เปรียบ พนักงานต้องกล้าที่จะคิดนอกกรอบ รู้จักนำความรู้ที่มีมาประยุกต์ พลิกแพลง หรือต่อยอด รวมถึงพยายามมองหาลู่ทางที่จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสให้ได้

3. ทักษะการปรับตัว

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ในการทำงานมักมีปัญหาหรือความท้าทายใหม่ ๆ เข้ามาเสมอ พนักงานจึงต้องมีความยืดหยุ่นและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ให้ได้ ไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ ที่ไม่ได้นำพาความเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีทัศนคติที่เปิดกว้าง วิสัยทัศน์ก้าวไกล ไม่สร้างเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการทำงานมากจนเกินไป มีแผนสำรองอยู่เสมอ และไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว

4. ทักษะในการควบคุมอารมณ์

สิ่งหนึ่งที่องค์กรมองว่ามีความสำคัญต่อการทำงานอย่างมากคือ ทักษะในการควบคุมอารมณ์ พนักงานที่มีความมั่นคงทางอารมณ์จะสามารถบริหารจัดการอารมณ์ของตัวเองเพื่อให้พร้อมทำงานอย่างมืออาชีพ ทำให้เห็นว่ามีสติมากพอที่จะแก้ปัญหาและให้งานเดินต่อได้ ซึ่งทักษะนี้สามารถฝึกได้ โดยต้องฝึกทั้งการแสดงออกทางสีหน้า แววตา น้ำเสียง ภาษากาย ให้เป็นไปในเชิงบวกอยู่เสมอ แม้ว่าในใจจะไม่ไหวแล้วก็ตาม

5. ทักษะในการเรียนรู้

ในยุคที่การแข่งขันสูง ผู้ที่เรียนรู้ได้เร็ว เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ย่อมได้เปรียบผู้อื่น เพราะจะสามารถเข้าใจและทำงานได้เร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาสอนมาก นอกจากนี้ ความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพก็อาจจะไม่พอ คนทำงานควรหาความรู้ต่าง ๆ เพิ่มเติมไว้บ้าง ไม่เพียงแต่แสดงถึงความใฝ่เรียนรู้ แต่ยังช่วยสร้างโอกาสก้าวหน้าได้ด้วย แม้ว่าความรู้นั้นอาจไม่จำเป็นสำหรับหน้าที่การงานหลัก แต่ก็ยังนำมาต่อยอดทำเป็นอาชีพเสริมได้เหมือนกัน

6. ทักษะในการวางแผนและแก้ปัญหา

หากพนักงานแต่ละคนมีทักษะความสามารถที่จะรับผิดชอบและแก้ไขปัญหาได้เองในระดับหนึ่ง จะช่วยลดภาระของผู้บังคับบัญชาลงได้ ทั้งยังทำให้งานเดินต่อได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดขั้นตอน ลดเวลาในการรอ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พนักงานจะต้องมีทักษะการประเมินปัญหาที่รวดเร็ว ตัดสินใจเด็ดขาด แต่หากปัญหาใดเกินความสามารถก็ควรปรึกษาผู้บังคับบัญชา เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่รอบคอบและรัดกุมต่อไป

7. ทักษะการแต่งหน้าและดูแลตัวเอง

หลายคนอาจมองว่าไม่จำเป็น แต่อย่ามองข้ามทักษะในการแต่งหน้าเด็ดขาด ไม่ว่าจะเพศไหนก็ควรดูดีไว้ก่อนเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี เพราะบุคลิกภายนอกช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับเราได้ อีกทั้งการแต่งกายภายนอกของคนที่ดูแลตัวเอง ออกจากบ้านด้วยหน้าตาสะสวย เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ก็บ่งบอกถึงความรับผิดชอบต่อตนเองได้เช่นกัน สำหรับผู้ชาย อย่างน้อยก็ควรทาครีมกันแดด ใช้แป้งฝุ่น หรือมีลิปมันไว้ก็ไม่เสียหาย