บ่ายวันเสาร์ที่อบอ้าวเล็กน้อย ผมตัดสินใจแบกน้องจุลินทร์(ชื่อของกล้อง) Nikon FE พร้อมฟิล์มเนกาทีฟ 35 มม. ออกไปตะลอน และจุดหมายปลายทางของวันนี้ก็คือ เจริญกรุง ย่านเก่าคู่กรุงของเรานั่นเอง
เจริญกรุงหนึ่งในย่านชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ ที่ในตอนนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของวัยชิคเมืองกรุงไปเป็นที่เรียบร้อย หลาย ๆ จุดของที่นี่ถูกจัดแต่งใหม่ให้เข้ากับสมัย ผสมผสานร่องรอยความเก่าแต่เก๋าและความคูลของคนรุ่นใหม่ไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวไร้ซึ่งรอยตะเข็บ
สำหรับการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวก โดยส่วนตัวผมเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานี สะพานตากสิน และเดินเท้ากินบรรยากาศคนพลุกพล่านตลอดทางเดิน ซึ่งยอมรับตรงนี้เลยว่าตัวผมเองเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนอัสสัมชัญบางรักตั้งอยู่ละแวกนี้
ที่สำคัญคือละแวกนี้ชาวต่างชาติเยอะมากไม่แพ้ย่านสุขุมวิทเลย สังเกตจากร้านรวงหรือคาเฟ่ที่ดูเหมือนจะตั้งขึ้นเพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นหลัก
ตึกรามบ้านช่องที่ยังตั้งเด่นเป็นสง่าที่แม้จะผ่านเวลาล่วงเลยมานานหลายสิบปี แต่ก็ยังดูโดดเด่นและไม่ทำให้ทิวทัศน์ดูหมอง กลับกันตึกรามเหล่านี้ยังกลมกลืนกับสิ่งใหม่ ๆ โดยรอบอย่างลงตัว แน่นอนว่าใครที่ผ่านมาแถวนี้ต้องหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพเก็บไว้อย่างแน่นอน
ผมเดินชมวิวแบบลืมเหนื่อยด้วยระยะทางกว่าเกือบ 1.2 กิโลเมตร จวบจะถึงเจริญกรุงซอยที่30 ก็สะดุดตากับสิ่งก่อสร้างใหญ่โตรูปลักษณ์ดุดัน มันคืออาคารไปรษณีย์กลาง บางรักนั่นเอง ดูจากรูปทรงทางสถาปัตยกรรมที่ดูแข็งกร้าวแต่เท่ผสมกัน ไม่รอช้าผมควักกล้องขึ้นมาถ่ายทันที
โดยที่ด้านหน้าของอาคาร เป็นที่ตั้งของอนุเสาวรีย์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาของการไปรษณย์ไทยอยู่ด้วย ซึ่ง อาคารไปรษณีย์กลาง นั้นเป็นอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ อีกทั้งพื้นที่ด้านหน้าก็มีเต๊นท์สำหรับคนชื่นชอบการสะสมแสตมป์ตั้งอยู่ด้วย
โดยในปัจจุบันอาคารไปรษณีย์กลางเป็นที่ตั้งของ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC นั่นเอง
ถัดมาถึง เจริญกรุง 30 ก็ดูเหมือนว่าผมได้พบกับแหล่งความฮิปของวัยรุ่นเมืองกรุงเข้าให้แล้ว โดยเมื่อเดินเข้าไปในซอยนี้ ก็ได้พบกับ Warehouse 30 ซึ่งเป็นครีเอทีฟ คอมมูนิตี้ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นการแปลงโฉมโกดังเก่าให้กลายเป็นพื้นที่ฮิป ๆ สำหรับวัยรุ่น ที่มีทั้ง Co-Working Space คาเฟ่ ร้านอาหารและเสื้อผ้า
และเป็นโชคดีของผมในวันนี้ที่ Warehouse 30 นี้กำลังจัดงาน 35:36 ในวันนี้พอดี ซึ่งเป็นงานรวมพลคนรักกล้องฟิล์มที่มีทั้งร้านขายกล้องฟิล์ม ขายฟิล์มทั้งสีและขาวดำ ทั้งแบบ 135 120 รวมถึงมีเวิร์คชอปพูดคุยกับคนมีชื่อเสียงในวงการถ่ายภาพอีกด้วย
ที่สำคัญคือผู้คนที่มาร่วมงานต่างเดินเลือกซื้อกล้องและฟิล์มกันแน่นงานเลยทีเดียว ซึ่งไม่ได้มีแต่วัยรุ่นเท่านั้นวัยเก๋าก็มีไม่น้อย
โดยภายนอกของ Warehouse 30 หากเดินลึกเข้าไปในซอยต่อจะพบว่าบริเวณกำแพงทั้งสองด้านถูกตกแต้งด้วยกราฟฟิตี้ลวดลายสีสันสวยงามเยอะแยะมากมาย ไว้ให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้แวะแชะภาพ
เมื่อผมเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ บริเวณนี้เสร็จก็เดินเท้าหาสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ในซอยถัด ๆ ไป และมาสะดุดตากับอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่ดึงดูดความสนใจได้ดีทีเดียว มันคือโบสถ์นั่นเอง ซึ่งมีชื่อว่า โบสถ์กาลหว่าร์ ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนกุหลาบวิทยา ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นโบสถ์ทรงกอทิกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์
ความน่าตื่นตาของเจริญกรุงไม่ได้หมดลงเพียงเท่านี้ ตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สะดุดตาชวนแวะให้แชะภาพอยู่มากมาย ซึ่งสังเกตบ้านเรือนในชุมชนละแวกนี้
ส่วนใหญ่ที่นอกจากจะเปิดเป็นร้านรวงขายอาหารแล้ว
ก็จะมีธุรกิจก๊าซออกซิเจน, เหล็กและกระจก เรียงรายเต็มสองข้างทาง
มีบอร์ดข่าวที่แปะหนังสือพิมพ์รายวันภาษาจีนล้วน ๆ อีกด้วย
ซึ่งบอร์ดลักษณะนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน
การอยู่ร่วมกันของความเก่าผสมกับความโมเดิร์นสมัยใหม่ ดูลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
นับว่า เจริญกรุง เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่ามาเดินเล่นในวันหยุด ทั้งจะมาแบบเดี่ยว ๆ เป็นคู่ หรือกลุ่มเพื่อน ก็สามารถหาความเพลิดเพลินเจริญตาได้จากทุกซอกมุมของที่นี่เลยล่ะ ซึ่งละแวกนี้ไม่ได้มีความน่าสนใจเพียงแค่บางสถานที่เท่านั้นทุก ๆ อย่างสามารถกลายเป็นมุมถ่ายรูปชิค ๆ ได้เป็นอย่างดี แนะนำว่าไม่ควรพลาดหากมีเวลาว่างลองมาเดินดูสักครั้งรับรองว่าเพลินจนลืมเหนื่อย อ้อ! ที่สำคัญ ก่อนมาลองเช็คอีเวนท์จาก Warehouse 30 ด้วยล่ะเผื่อว่าวันที่มาจะได้เจอกับกิจกรรมที่ทาง Warehouse 30 จัดขึ้น
สำหรับทริปเดินเที่ยวครั้งนี้ ขอจากกันไปด้วยภาพน้องแมวน่ารัก ๆ จากเจริญกรุง ที่ผมแอบถ่ายมาแล้วกัน แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางของผมกับจุลินทร์และฟิล์มม้วนหน้าในสัปดาห์หน้า สวัสดีครับ 🙂
