ทุกครั้งที่ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น ผู้ได้รับผลกระทบอย่างเราๆมักจะอดไม่ได้ที่จะออกอาการเครียด เนื่องจากปริมาณเงินในกระเป๋าจะต้องถูกควักออกไปเพิ่มมากขึ้นทุกครั้งยามเข้าปั๊ม ยังไม่รวมบรรดาสินค้าและค่าเดินทางต่างๆที่จ่อเตรียมจะขยับขึ้นเป็นเงาตามตัว
หลายคนถึงขั้นออกอาการ “หัวร้อน” ว่าทำไมเราถึงต้องใช้น้ำมันแพงกว่าประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง มาเลเซีย และพม่าถึงเกือบเท่าตัว ตามโครงสร้างราคาผลิตและภาษีสรรพสามิตที่เก็บกันหัวแบะลิตรละ 5 บาทกว่า
ยามเชื้อเพลิง “ขาลง” ก็ไม่มีใครเดือดร้อนหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหรอกครับ แต่พอราคา “ขาขึ้น” มาทีไร วิ่งไล่หาแพะกันทุกที วนเวียนกันไปแบบนี้
ซึ่งหากยังไม่ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงรายละเอียดโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงและวิธีการบริหารกองทุนน้ำมันของเราให้ดี ระวังว่าจะลุกลามกลายเป็นประเด็นการเมืองเรื่องใหญ่โต ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามีรัฐบาลล้มกลิ้งไม่เป็นท่าเพราะราคาน้ำมันมานักต่อนักแล้ว
ตอนนี้องค์กรที่ต้องรับหน้าเสื่อไปเต็มๆก็คือ ปตท. ทั้งโดนแอนตี้และราคาหุ้นตก แต่เรื่องแบบนี้พูดไปมันเหมือน “หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ” เพราะ ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศไทยเราเองต้องบริหารงานตามแนวนโยบายของรัฐบาลในอดีต ผู้บริหารก็คนไทยพนักงานก็คนไทยด้วยกันหลายพันคน บางคนเป็นเพื่อนเป็นญาติของเราด้วยซ้ำ
เพียงแต่มองในมุมตลกร้าย เมื่อลองเปรียบเทียบระหว่าง ปตท. กับการบินไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนกันแต่การบริหารดันสลับขั้วกันอย่างน่าเสียดาย
ปตท.ซึ่งควรจะบริหารแบบมีความเป็นรัฐวิสาหกิจมากๆ คำนึงถึงการแบ่งปันผลผลิตพลังงานที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยให้ประชาชนชาวไทยใช้กันอย่างดีมีราคาสมเหตุสมผลและมีเสถียรภาพที่สุด เพราะมีลักษณะค่อนข้าง Monopoly (ผูกขาดเจ้าเดียว) ดันบริหารเก่งมากมีผลกำไรมากมายมหาศาล ส่งออกเชื้อเพลิงไปต่างประเทศได้ ผู้บริหารเงินเดือนเดือนละหลายล้านบาท ยังไม่รวมโบนัสอีกหลายสิบล้าน
ขณะที่การบินไทย ซึ่งควรบริหารให้ใกล้เคียงเอกชนมากสุด เพราะมีคู่แข่งเป็นสายการบินพาณิชย์อื่นๆมากมายทั่วโลก กลับบริหารงานแบบรัฐวิสาหกิจมาก ยามจะซื้ออะไรก็ต้องเกรงใจเด็กคนโน้นทีคนนี้ที แถมต้องมีสิทธิประโยชน์โควตาตั๋วฟรีให้กับผู้บริหารอดีตผู้บริหารจากสายการเมือง รวมทั้งสมาชิกสภาและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
พนักงานไม่ได้โบนัสมาหลายปีแล้ว เงินเดือนก็ขึ้นกันกะปริบกะปรอย ขาดทุนกันทุกปีเจียนอยู่เจียนไป ต่างจากอดีตที่เคยรุ่งเรือง
เปรียบเทียบสององค์กรทุกอย่างมันกลับตาลปัตรกันเสียอย่างนั้น คิดแล้วอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตาแทนประชาชนจริงๆครับ.