หลาย ๆ คนมีคนที่รู้จักอยู่ตั้งมากมาย อาจจะรู้จักแค่เพียงผิวเผิน รู้จักเพราะต้องทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกัน รู้จักแบบที่สนิทสนมรู้ไส้รู้พุงกันดี หรืออาจจะรู้จักแบบผ่านมาและผ่านไป ในชีวิตจริงมีคนรายล้อมอยู่มากหน้าหลายตา แต่สิ่งที่น่าแปลก็คือหลายคนยังรู้สึกเหงา อ้างว้าง โดดเดี่ยว ทั้ง ๆ ที่รอบตัวมีคนมากมายขนาดนั้น
จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนจะประสบกับความเหงา และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เหงา ยิ่งในช่วงเวลานี้ ที่โอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ มีค่อนข้างจำกัด รวมถึงความสัมพันธ์ที่เคยใกล้ชิดกันดี ๆ อาจเข้าสู่ภาวะตึงเครียด การที่เรารู้จักผู้คนมากมาย ไม่ได้หมายความว่าจะบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างได้ เพราะจริง ๆ แล้วมันจะมีสักกี่คนในบรรดาคนนับร้อยนับพันที่เรารู้จัก ที่สามารถเป็นมิตรแท้ที่ทำให้เราอบอุ่นหัวใจในยามที่ไม่มีใคร
เรื่องของหัวใจและความรู้สึก เป็นเรื่องซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย เมื่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากมายที่อยู่รอบตัวกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกอบอุ่นหรือมีความสุข ทว่ารู้สึกถึงการโดนกักขังแบบที่ไม่เข้าใจว่าเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งหากสมองประมวลผลได้ว่าไม่ได้มีการพบปะกับคนอื่น ๆ ไม่มีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก ไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลใด ๆ ไม่รู้สึกถึงการมีคนที่เราสบายใจอยู่ข้าง ๆ จนร่างกายและจิตใจของเราสัมผัสได้ มันอาจทำให้เป็นผลเสียที่ทำให้ชีวิตเราแย่ลงเรื่อย ๆ ที่เลวร้ายที่สุดคือ การที่มันพัฒนาไปเป็นโรคซึมเศร้า การทำร้ายตัวเอง หรือคิดฆ่าตัวตาย
ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ ทำไมเราถึงยังรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง เคว้งคว้าง รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง ทั้งที่รอบ ๆ ตัวมีผู้คนมากมาย ใกล้ ๆ ตัวก็มีครอบครัว เพื่อนฝูง แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกที่กว้างใหญ่
1. โอกาสที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ น้อยลง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงที่เราต่างต้องเก็บตัวเพื่อให้รอดพ้นจากภาวะโรคระบาด มันทำโอกาสที่จะได้ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ลดน้อยลง ถ้าเราได้ออกเดินทางไปไหนมาไหนอย่างอดีตที่เคยทำได้ เราก็อาจจะได้พบเจอ ได้ยิ้มทักทายใครต่อใครบ้าง ซึ่งหลังจากนั้นอาจจะได้สานสัมพันธ์กันต่อก็ได้ ทว่าการที่ทุกคนต้องปิดหน้าปิดปาก การจะได้เป็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายเป็นเรื่องยาก การสบตาช่วงสั้น ๆ ก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรที่คนรอบข้างส่งมา
2. ความสัมพันธ์เก่าที่เคยใกล้ชิดกลับตึงเครียด
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเครียด แม้แต่คู่รักที่เคยพึงพอใจกันก็อาจจะเบื่อกันได้ จากการที่อยู่ด้วยกันนานเกินไป อีกทั้งการจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้น ความเครียด ความกดดันทำให้คนหงุดหงิดง่ายกว่าเดิม มีความอดทนน้อยลง เอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น และรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะต้องอดกลั้นในสิ่งที่ไม่พึงพอใจ เมื่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมห่างเหินออกไปเรื่อย ๆ รู้สึกแปลกแยก ความเหงา ความโดดเดี่ยวก็เข้ามาแทนที่
3. คนที่สนิทมาก ทำได้แค่เจอผ่านจอ ไม่ได้เจอกันจริง ๆ เลย ท้ายที่สุดก็รู้สึกห่างเหิน
หลาย ๆ คนยังพบปะกับเพื่อนฝูงมากมายผ่านเทคโนโลยีสุดทันสมัย แต่ทุกคนรู้ดีว่ามันช่วยได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว และเป็นแค่วิธีที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยที่มันไม่สามารถทดแทนการเจอกันตัวเป็น ๆ ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ปฏิสัมพันธ์ของเพื่อนที่เจอกันตัวเป็น ๆ กับการเห็นกันได้แค่ผ่านอุปกรณ์สื่อสารนั้นต่างกัน แม้จะเห็นกันด้วยวิดีโอคอลก็ไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกโหยหา ความใกล้ชิด ความผูกพันระหว่างกัน แม้จะวิดีโอคอลคุยกันทุกวันก็ยังรู้สึกห่างเหินอยู่ดี
4. ผู้คนมากมายที่เห็น อาจไม่มีคนที่เราต้องการจริง ๆ แม้แต่คนเดียว
หากคุณมีเพื่อนหนึ่งร้อยคน คุณจะไม่บอกใครต่อใครหรอกว่าทั้งหนึ่งร้อยคนเป็นเพื่อนสนิทของคุณ จริง ๆ แล้วคนเราจะเรียกอีกฝ่ายว่าเป็นเพื่อนสนิทได้ไม่กี่คนจากเพื่อนที่มีนับร้อยนับพัน คุณสมบัติของเพื่อนสนิทมีอะไรบางอย่างที่หาไม่ได้จากคนทั่ว ๆ ไป เพราะฉะนั้น การที่คุณยืนอยู่ท่ามกลางคนมากมาย คนที่คุณกล้าเรียกเขาว่าเพื่อน แต่ทั้งหมดนั้นอาจไม่มีใครเลยสักคนที่เข้าข่ายจะเป็นเพื่อนสนิทแบบที่ใจโหยหา
5. โซเชียลมีเดียที่หลายคนใช้เล่นแก้เหงา กลับทำให้โดดเดี่ยวกว่าเดิม
หลายคนมีเพื่อนในโซเชียลมีเดียเป็นร้อยเป็นพัน และรู้ดีว่าหลาย ๆ ความสัมพันธ์ในโซเชียลมีเดียเป็นความสัมพันธ์แบบผิวเผิน ไร้ตัวตนที่ชัดเจน ไร้การสนทนาแบบเห็นหน้าค่าตา เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊กแต่จริง ๆ คือไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป ยิ่งลักษณะการเข้าหากันในโซเชียลมีเดีย คือ เรามักแสดงให้เห็นเพียงด้านที่อยากให้เห็น จนหลาย ๆ ครั้งก็หลอกลวงตัวเอง ส่องดูคนอื่นแล้วมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ก็รู้สึกแย่กับตัวเองเข้าไปอีก ยิ่งดันให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นคนนอก
6. ความสัมพันธ์ที่ดีคือความสัมพันธ์ที่เน้นคุณภาพหาใช่ปริมาณ
อย่างที่บอกว่าเราสามารถเรียกคนร้อยคนว่าเพื่อนได้ แต่จะเหลืออยู่กี่คนที่เรายกให้เป็นเพื่อนสนิท ในเมื่อไม่มีความสัมพันธ์ไหนเลยที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความผูกพัน ความเอาใจใส่ ความทุ่มเท ความสนิทสนม ไม่รู้สึกถึงความโหยหา ไม่รู้สึกถึงการให้ใจ ไม่รู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่ง ก็ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีคุณภาพ ต่อให้มีผู้คนมากมายก็ไม่อาจยั่งยืน และในที่สุดเราก็อาจต้องจมอยู่กับความเหงาความโดดเดี่ยวต่อไป เพราะหาความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพไม่ได้
7. ขาดการมีส่วนร่วมกับสังคมภายนอก
หลายคนเป็นคนประเภท Introvert คือคนที่สามารถมีความสุขได้แม้อยู่ตัวคนเดียว คนกลุ่มนี้มีวิธีหาความสุขในแบบที่ไม่จำเป็นพึ่งสังคมภายนอก แต่บางครั้งการชาร์จพลังให้เต็มคือการที่หลุดกรอบจากสิ่งเดิม ๆ ที่เคยทำก็ได้เหมือนกัน เลี่ยงความซ้ำซากจำเจ ด้วยการเข้าสังคมและการอยู่ร่วมกับคนอื่นบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสังคมใหญ่ ขอแค่มีสังคมภายนอกไว้ให้ชาร์จพลังในยามที่ต้องการ มีส่วนร่วมกับคนอื่นบ้าง อย่าเก็บตัวอยู่ในโลกที่มีแค่ตัวเองคนเดียว
8. กำแพงในใจที่ใครปีนข้ามไปไม่ได้
เป็นธรรมดาที่แต่ละคนมีเส้น มีกำแพงที่ไม่ต้องการให้ใครก้าวล่วงเข้าไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบเข้าสังคม ชอบอยู่กับคนอื่น ๆ แต่กลับปิดกั้นใจตัวเองแน่นหนามากชนิดที่ใครก็เข้าไม่ถึง เหมือนแค่พากายหยาบเข้าสังคมแต่ไม่เปิดใจให้ใครเข้ามา ตั้งกำแพงในใจไว้สูงจนใคร ๆ ก็ข้ามมาสร้างมิตรภาพไม่ได้ มีอคติกับคนอื่นมากไปจนไม่ยอมลดอัตตาตัวเองลงมา มันทำให้เกิดระยะห่างในความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ แบบนี้มีเพื่อนมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยให้หายเหงาหรอก
9. ปัญหาเรื่องการสื่อสารที่จะสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
พวกที่ปากไม่ตรงกับใจ ไม่เก่งเรื่องการแสดงออก มักจะพูดหรือแสดงออกในลักษณะที่ไม่ตรงกับที่รู้สึก แบบที่เรารู้ว่าเราคิดอะไรอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดหรือแสดงออกต่อคนอื่น ๆ อย่างไรดี เมื่อสารที่ออกมาไม่สามารถสื่อความต้องการที่แท้จริงในใจได้ เกิดเป็นความเข้าใจผิดและกลายเป็นความห่างเหินได้ในที่สุด กรณีนี้ต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองก่อน ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ไม่ต้องคิดเยอะ และฝึกเรื่องการสื่อสารบ่อย ๆ
10. ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนรอบข้างเป็น
จริง ๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องไปทำความเข้าใจใครเขาขนาดนั้นหรอก แค่เข้าใจตัวเองยังยากเลย เพียงแต่ให้เปลี่ยนความไม่เข้าใจเป็นการยอมรับ ยอมรับความต่างว่าคนอื่นไม่เหมือนเรา การตั้งคำถาม ลังเล สงสัยคนรอบข้างอยู่เสมอว่า “ทำไมไม่เป็นงั้น” “ทำไมทำงี้” “ควรจะเป็นแบบนี้สิ” เป็นการสร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้นความสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว คนเยอะแค่ไหนก็รู้สึกโดดเดี่ยว เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างบนโลกใบนี้ แต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้
11. การกลัวที่จะมีความสัมพันธ์
หลายคนไม่มั่นใจในตัวเอง ตีตราตัวเองว่า “ฉันไม่ดีพอ ฉันไม่น่าสนใจ คงไม่มีใครสนใจฉัน” ซึ่งมักจะมาพร้อมกับการกีดกันตัวเองออกจากคนอื่น เมื่อมีใครอยากจะสร้างความสัมพันธ์ด้วยก็เลือกที่จะถอยห่าง เพราะไม่มั่นใจว่าจะทำให้ความสัมพันธ์นั้น ๆ ดีได้หรือเปล่า พอรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง กลับมานั่งถามตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่มีใคร แบบนี้ต้องลดความประหม่าลง ชื่นชมตัวเองให้มาก ๆ เปิดใจที่จะทำความรู้จักคนอื่น เชื่อใจคนอื่นบ้าง และกล้าที่จะถูกปฏิเสธ
12. ไม่สามารถรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองว่าตอนนี้แหละที่รู้สึกเหงา
เป็นเรื่องแปลกที่หลาย ๆ คนอธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกดิ่งหรือเบื่อชั่วครั้งชั่วคราวของตนเองนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ตัวเองถึงมีความคิดลบ ๆ รู้สึกแย่กับตัวเอง รู้สึกว่างเปล่า ทำอะไรก็ไม่สนุก เบื่อ จริง ๆ แล้วคือเราไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโดดเดี่ยว เพราะเราอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายโดยมีความสัมพันธ์แบบเทียม ๆ คอยหล่อหลอม ก็เลยไม่คิดว่ามันเป็นความเหงา ตรงนี้เราต้องรู้ไว้ว่าการมีคนมากมายที่อยู่รอบตัวไม่ได้การันตีว่าจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจได้