เมื่อคุณสร้าง “ปิศาจ” ด้วยอารมณ์ของคุณเอง

“ถ้าด่ามาก็ด่ากลับไม่โกง” เป็นประโยคที่ได้ยินแล้วทำให้ผู้เขียนสะดุ้งอยุ่ในใจเลยทีเดียว เพราะผู้พูดเป็นน้องผู้หญิงหน้าตาดี แต่งกายดี และ ดูจะมีหน้าที่การงานที่ดี กำลังยืนคุยกับเพื่อนในร้านสะดวกซื้อ ประโยคแบบนี้มีลักษณะเดียวกับในละครหลังข่าว ที่บทพูดของนางเอก หรือ ฝ่ายนางเอก จะมีลักษณะการพูดแนวๆ นี้

และกลายเป็นว่า ประโยคในลักษณะนี้ได้แสดงให้เห็นทัศนคติของคนในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ยอมลงให้กับคนที่มาทำร้าย หรือ กดขี่เอาง่าย จะต้องมีปฎิกิริยาตอบกลับเพื่อให้เกิดความรู้สึกได้เอาคืน และ กลายเป็นทัศนคติที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ทำให้คนที่ไม่ยอมตอบโต้กลับกลายเป็นคนหงอๆ ไป

แล้วมันดีจริงหรือ กับวิธีการดังกล่าว กับทัศนคติแรงมาแรงกลับ ชนิดที่เวลานี้เราพบเห็นความรุนแรง กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว มีการเผยแพร่คลิปทำร้ายกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย มีคนฉอดเก่ง ด่าว่ากันไปมา แซะได้ทุกเรื่องจนกลายเป็นดราม่า

มีคนอัดคลิปด่าคนอื่นผ่านทางเฟซบุ๊ค แล้วได้ยกระดับเป็น Influencer มีคนตั้งตัวเป็นสื่อ แล้วจัดรายการผ่านโซเชียลมีเดีย ใช้คำอย่าง “ได้ยินมาว่า” หรือ เอากระแสข่าวที่ไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของข่าวมาเล่าด้วยลีลาแรงๆ ก็มีคนเชียร์ คนมันส์ ไปกับคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นสื่อเหล่านั้น

เอาเข้าจริงผู้เขียนก็เข้าใจได้ว่า เป็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่ในใจก็ยังมีคำถามว่า เราจะอยู่กับไปแบบนี้หรือ อยู่ท่ามกลางความแรงของอารมณ์ เพราะเมื่อคุณคิดตอกกลับในทุกเรื่อง มันอาจได้ความสาแก่ใจชั่วขณะ แต่สุดท้ายแล้ว เราไม่สามารถเอาชนะความชั่วด้วยความชั่วได้ ความแรงของอารมณ์ก็จะฝากแผลเอาไว้ในใจของทุกฝ่าย แบบนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร

คุณผู้อ่านบางท่านอาจเห็นต่างแล้วคิดว่า “ทำไมเราต้องหงอ เราต้องยอมด้วยละ” คำตอบคือไม่ต้องหงอ และไม่ต้องยอมก็ได้ค่ะ เพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีทางออกให้เลือกหลายทาง อยู่ที่ว่าคุณจะพร้อมใช้วิถีทางแบบไหน ทางที่ง่ายที่สุดก็หมายถึง การใช้อารมณ์กระแทกเข้าหากัน ก็จะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

แต่ถ้าใช้ความอดทน และ ชี้แจงด้วยเหตุผล หากอีกฝ่ายไม่เข้าใจ ก็ใช้ตัวแทน หรือ รอจนถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยจัดการด้วยวิถีทางของกฎหมาย มักจะเป็นทางเลือกที่หลายคนไม่คิดจะใช้ เพราะคิดว่าไม่ได้ผล ทั้งที่ยังไม่เคยได้ลองใช้จริง

หลายคนอาจบอกว่าที่กล้าเขียนแบบนี้ เพราะคนเขียนไม่เคยเจอคนนิสัยไม่น่ารัก ขอยืนยันจากคนในวัยที่ 40+ เลยว่าที่ผ่านมาเจอคนไม่น่ารักมาเยอะ และ บ่อยครั้งก็เป็นคนที่ไม่น่ารักด้วย เคยผ่านช่วงเวลาที่เราต้องแรงกลับต่อทุกคนที่ เอาเปรียบหรือทำร้ายกันมาแล้ว

แต่ท้ายที่สุดแล้ว นอกเหนือจากความสะใจที่ได้รับ ผู้เขียนได้สร้างปิศาจตัวหนึ่งขึ้นมาในตัวตนของตนเอง ปิศาจที่กินอารมณ์แรงๆ เป็นอาหาร ปิศาจที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่า เราต้องกำจัดปิศาจตัวนี้ทิ้งไป เพราะซากอาหารจากอารมณ์แรงๆ ที่ปิศาจทิ้งเอาไว้ คือกองอีโก้ ที่สูงจนเกือบท่วมหัวตัวเอง

ถึงตรงนี้เราคงต้องหันกลับไปถามตัวเองกันแล้วว่า เราจะอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งอารมณ์ ที่เต็มไปด้วยคลื่นลมแปรปรวน จากปิศาจที่แต่ละคนได้สร้างขึ้น หรือกล้าพอที่จะกลับมาสำรวจตัวเอง แล้วค่อยๆ หยุดให้อาหารอารมณ์กับปิศาจที่อยู่ในใจเรา

เพื่อให้มันค่อยๆ ตายจากไปจากใจเรา เพื่อที่เราจะได้อยู่ในสังคมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความแรง แต่ใช้เหตุและผลในการพูดคุยกัน สังคมแบบนี้เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่สังคมในอุดมคติที่หลายคนอาจเคยเย้ยหยัน … ชอบแบบไหนคุณต้องเลือกเอง

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ