แด่มนุษย์สายพันธุ์ Multitask

ช่วงนี้เจอหน้าเพื่อนฝูงมีคนบ่นให้ฟังพร้อม ๆ หลายคนถึงเรื่องสมาธิในการอ่านหนังสือว่าทำได้ช้าลงแถมเรื่องของระยะเวลายังสั้นลง จิตหลุดง่าย แน่นอนถ้าเป็นอย่างนั้นมันย่อมส่งผลถึงปริมาณสาระและข้อมูลที่เขาเหล่านั้นได้รับ ย่อมลดน้อยถอยลงตามไปด้วย

มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และก็เชื่อว่าหลายคนคงพอรู้สึกได้ หลังโลกโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างสูง และมากขึ้นเรื่อย ๆ สภาพการที่จะต้องเช็คโน่นทีดูนั่นหน่อย ซึ่งปกติจะเป็นภาวะที่เราทำเฉพาะที่ทำงาน แต่ปัจจุบันกลายเป็นต้องสไลด์หน้าจอรูดปื๊ด ๆ เกือบ 24 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว

นี่คงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก นอกจากนั้นก็คงเป็นด้วยสภาวะเร่งรีบของชีวิตคนในเมืองใหญ่ที่เร่งรัดเราให้เร่งเร้าอยู่ตลอดเวลา และอื่นๆ

ยิ่งบางคนพยายามจะเป็นมนุษย์ Multitask คือทำหลายๆอย่างพร้อมๆในเวลาเดียวกัน กินข้าวไป ดูหนังไป เล่นมือถือไป

สมัยก่อนนี่ผมตัวเจ็บเหมือนกัน ชอบเหลือเกินทำโน่นทำนี่ไปพร้อมกันนึกว่าดี นึกว่าตัวเองเก่ง แต่บางทีมันพาลจะแย่เอาเสียหมด

ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะทำอะไรหลายๆอย่าง แล้วไม่ได้เรื่องสักอย่าง

มาเดี๋ยวนี้ผมต้องทำกลับกัน คือพยายามอยู่กับสิ่งเดียว จดจ่อกับอะไรที่อยู่ตรงหน้า จัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยอนุญาตตัวเองไปทำอย่างอื่น ห้ามทำอะไรสองอย่างในเวลาเดียวกันเป็นอันขาด เช่น ขับรถไม่คุยโทรศัพท์ ทำงานไม่ดูทีวีไปด้วย

คือสมองและสมาธิของคนเรามิได้มีสภาพเหมือน บิล เกตส์ กันได้ทุกคน ที่จะสามารถคิดหลายๆโปรเจ็ค ทำหลายๆ เรื่อง ให้เสร็จเรียบร้อย พร้อมดี ไปได้ทั้งหมด ยิ่งอายุมากขึ้นเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ก็ยิ่งต้องฝึกจิตใจตัวเองให้กลับมานิ่งให้ได้ ด้วยความที่ผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบและตัดสินใจสิ่งสำคัญ ดังนั้นต้องรอบคอบและประมาทกับชีวิตไม่ได้นะครับขอเตือนไว้

แบบฝึกหัดที่ผมใช้อยู่ในตอนนี้คือฝึกให้ตัวเองกลับไปอ่านพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มหนาๆให้จบ แรก ๆ ก็ลองเลือกหัวข้อเรื่องที่เราสนใจมากหน่อยก็ได้จะได้มีแรงจูงใจในการอ่าน

นั่งฟังเพลงให้จบเพลง ดูหนังให้จบเรื่อง และแน่นอนการสวดมนต์ภาวนาทำจิตใจให้สงบ ทั้งหมดทั้งมวลคือการลดสปีดของชีวิตลง โฟกัสมากขึ้น จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้นานพอสมควร ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยการฝึกฝน ผมเชื่ออย่างนั้น

มนุษย์สายพันธุ์ Multitask คนไหนจะลองเอาไปทำดูบ้างก็ได้ แรก ๆ ก็ยึดหลักสายกลางเอาแต่พอดีไปก่อนก็ได้ เพราะไลฟ์สไตล์ของคนเรามันไม่เหมือนกัน

สุดท้ายพออายุมากขึ้นแล้ว รู้สึกว่าการมีสติและสมาธิอยู่กับตัวนั้นสำคัญกว่าสิ่งใด อาจจะมากกว่าแม้กระทั่งความรู้หรือเงินทองในบางครั้งเสียด้วยซ้ำ.