รักในเดือน ส.ค.

เขียนเรื่องท่องเที่ยวมาหลายตอนติดต่อกัน ยังเบื่อไม่อยากกลับไปกีฬา ถ้าจะนึกครึ้มเขียนเรื่อง “ความรัก” ทั้งๆที่ไม่ใช่วันวาเลนไทน์ เพราะนี่มันปลายเดือนกรกฎาคม คงไม่ว่าอะไรกัน

สืบเนื่องจากไม่นานมานี้ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีรุ่นน้องผมคนหนึ่งเพิ่งมาแจกการ์ดแต่งงาน มีฤกษ์กันในเดือนสิงหาคม เป็นธรรมดาเพราะพอถึงช่วงปลายๆปี ก็จะมีฤกษ์งามยามดีมาแบบนี้

ผมรู้จักกับทางฝ่ายหญิงครับ โดยความรักของเธอนับว่าพลิกผันดี รักอยู่กับชายอีกคนหนึ่งตั้งนาน ถึงขนาดไปตระเวนเลือกเรือนหอด้วยกันตามหมู่บ้านดีๆเกือบสิบแห่งก็ว่าได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แต่ง มีเหตุให้เลิกรากันไป พอมาคบอีกคนซึ่งเป็นผู้ชายรุ่นน้อง ไม่นานความสัมพันธ์กลับเจริญงอกงามถึงขั้นจะได้ร่วมหอจ่อวิวาห์กัน

เรื่องบุพเพสันนิวาสนี่พูดยากครับ เพราะลงได้เกิดมาคู่กันแล้วมักจะไม่แคล้วกัน แต่ถ้าไม่ใช่นี่ยังไงสุดท้ายแล้วมันก็จะต้องพลัดพรากจากกันไปเอง

บางคนถวิลหา และอยากจะเข้าใจความหมายของคำว่า “รัก” แต่โชคร้าย ไม่เคยได้พบได้รู้จักเลยก็มี บางทียิ่งพยายามเดินหายิ่งไม่เจอ แต่พอเผลอกลับถูกพุ่งชนเข้าอย่างจัง ก็แล้วแต่ช่วงเวลาและจังหวะชีวิต

บางคนถึงกับนิยามสิ่งนี้ว่า “รักออกแบบไม่ได้” ตามชื่อหนัง ผมว่าก็คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงมากนัก

ผมอวยพรรุ่นน้องคนนี้ไปล่วงหน้า เพราะเผื่อใจว่าตัวเองอาจจะไม่ได้ไปงาน บอกเธอว่าการแต่งงานคือการที่เธอต้องพร้อมเสียสละ “แบ่งรับครึ่งชีวิตของเขาไว้กับเธอ และแบ่งปันครึ่งชีวิตของเธอให้กับเขา”

กะเอาคมที่สุดเลยนะเนี่ย…

ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ แต่ผมรู้สึกว่านี่เป็นประโยคที่ค่อนข้างจะจริงแท้และใกล้เคียงกับความรัก ในรูปแบบการสร้างชีวิตครอบครัวมากที่สุด

มีความรู้สึกแบบหวานๆ และปนกับความรับผิดชอบหน่อยๆ

เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน ซึ่งไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวเหมือนคำว่า “ความรัก” นั่นแหล่ะครับ.