ถ้าวันพรุ่งนี้ไม่มี

ชีวิตคนเราเกิดมา เพื่อเรียนรู้ ใช้ชีวิต ต่อสู้ และตายไป เป็นสัจธรรมที่ไม่มีใครอาจเลี่ยง พูดถึงเรื่องนี้หลายคนอาจจะแสดงออกแตกต่างกันออกไป บ้างก็ปลง บ้างก็ “แล้วไง มีชีวิตก็ใช้ไป”

แต่ในเมื่อทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามข้างต้นเสมอไป ที่มีคนบอกว่า “ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้กับชาติหน้า อะไรจะมาถึงก่อนกัน”

ตอนนี้ผมอยู่ในวัย 20 ปลาย ๆ อยู่ในช่วงของการถูกรับเชิญไปงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ งานแต่งงาน และ งานศพ ก่อนหน้านี้ผมผ่านการแวะเวียนไปแสดงความยินดีกับเพื่อน ๆ ในงานรับปริญญา ส่วนตอนนี้ซาลงไปมากเพราะเรียนจบกันแทบหมดแล้ว

ชีวิตเดินทางเข้าสู่การดำเนินด้วยตัวเอง

เราอาจติดต่อกับเพื่อนน้อยลง การพบกันระหว่างผมกับคนรู้จักเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอแม้จะโดยบังเอิญหรือนัดล้วงหน้า เรามีความสุขกับการได้พูดคุยกันถึงอดีตที่ผ่านมาด้วยกัน ปัจจุบันและอนาคตกลายเป็นเรื่องชวนปวดหัว เราหัวเราะกับการพูดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนา คนนั้นแต่งงานแล้ว คนนี้มีลูกแล้ว 

เราผลิยิ้มเมื่อได้รับการ์ดเชิญงานแต่ง เราสะเทือนใจเมื่อได้รับข่าวเชิญไปงานศพ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของสองสิ่งนี้คือ การหวนคิด

เมื่อมีใครสักคนจากเราไปก่อนวัยอันควร สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในหัวของเราเองและกับการสนทนากับคนอื่น ๆ คือ เขานิสัยดีนะ เขาไม่ควรจากไปแบบนี้เลย อดีตที่หวานหอมถูกขุดขึ้นมาพรั่งพรูท่ามกลางบรรยากาศความเศร้าโศก กับเพื่อนบางคนที่จากไปแม้จะไม่ได้สนิทกันหรือไม่ได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ แต่เราสะเทือนใจเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งสะเทือนใจ

เมื่อลองคิดกลับมาในมุมคนรอบกายเรา หากเราเสียใครไปตอนนี้เราจะเสียใจขนาดไหน
หรือหากเป็นเราเองที่จากไป ทุกคนจะพูดถึงเราอย่างไร

เพราะวันพรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

ในวัน ๆ หนึ่งเราทำอะไรกับใครไว้บ้าง บางครั้งบางทีเราพูดกับคนรอบข้างแค่เพียงส่ง ๆ ไม่ได้มองหน้ามองตาด้วยซ้ำ บางครั้งการตัดสินใจกับสถานการณ์ใด ๆ ก็ตามอาจเป็นเราเองที่ผิดพลาด เพียงแต่หยิ่งในความแพ้ไม่เป็น ถามตัวเองดูว่าในอนาคตเราจะเสียใจไหมกับการกระทำในวันนี้

เราดำเนินชีวิตกันแบบย้อนกลับไม่ได้ ไม่มีใครเอาชนะกาลเวลาได้ ดังนั้นพึงตระหนักไว้เสมอว่า เราไม่รู้ว่าเราหรือใครจะจากไปเมื่อใด แต่อย่างหนึ่งที่เราทำได้แน่นอนคือความทรงจำที่ดีต่อกัน การคลี่คลายปัญหาร่วมกัน อย่าอายที่จะขอโทษ อย่าอายที่จะแก้ไข เพราะหากมาคิดได้ทีหลังเมื่อใดเมื่อนั้นอาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว