เรื่องเงิน กับความรักที่มักไม่ค่อยลงตัว

ใครที่บอกว่าความรักชนะทุกสิ่ง ต้องหันกลับมาสำรวจกันหน่อยว่าที่ผ่านมาคุณเคยทะเลาะเบาะแว้งกับคนรักของคุณเรื่องเงินบ้างหรือไม่ เพราะมีหลายคู่เหลือเกินที่ต้องมานั่งเถียงกันว่า ค่าใช้จ่ายนี้ใครจะเป็นผู้ออก หรือ การกินอาหารมื้อนี้ ใครควรจะเป็นคนจ่าย ไปจนถึงค่าประกันรถ ประกันชีวิต ค่าเทอมลูก ที่หลายคู่ต้องทำงานหาเงินกันตัวเป็นเกลียว จนทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในบ้าน 

ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก็ควรเริ่มต้นด้วย สถานะทางการเงินที่ดี ซึ่งคำว่าสถานะทางการเงินที่ดีไม่ได้หมายความต้องหาแต่ คู่ครองที่มีฐานะร่ำรวย แต่หมายถึง การรู้จักที่จะรับผิดชอบทางการเงินของแต่ละฝ่าย มิใช่ปิดบังการใช้จ่ายหรือหนี้สิ้นที่ล้นพ้นตัว แล้วยังคิดมาสร้างครอบครัวร่วมกัน เพราะในระยะยาวมันจะมีแต่ความขัดแย้งไปตลอดเส้นทาง 

จับเข่าคุยกันเรื่องการเงินของแต่ละฝ่าย 

วิธีการนี้ไม่ได้หมายความว่า แต่ละฝ่ายมีเงินอยู่เท่าไร จะได้รับมรดกเท่าไร แต่หมายถึงภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในแต่ละเดือนของแต่ละฝ่าย บางคนต้องผ่อนบ้านผ่อนรถให้พ่อแม่ บางคนต้องส่งเงินกลับบ้าน บางคนมีหนี้บัตรเครดิต ต้องผ่านชำระ เรื่องแบบนี้ถ้าจะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคตควรจะต้องรู้เอาไว้ เพราะในวันข้างหน้าการแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่หมายถึงการเกี่ยวดองของสองครอบครัว และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กลายเป็นภาระ ความรักที่มีอยู่มันจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ 

พูดคุยด้วยความเข้าใจและวางแผนร่วมกัน 

ถ้าคุณทั้งสองคน มีความเห็นต่างกันในการใช้เงิน หรือ เก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต อาทิ แฟนคุณอยากซื้อบ้านก่อนแล้วค่อยแต่งงาน แต่คุณคิดว่าแต่งก่อนแล้วค่อยซื้อก็ได้ บางคนอาจคิดว่าทำงานเก็บเงินสักพักแล้วค่อยมีลูก แต่อีกฝ่ายอยากมีลูกเลยแล้วค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อไป ตัวอย่างเหล่านี้คือการวางแผนทางการเงินและชีวิตร่วมกัน ดังนั้นการพูดคุยจึงเป็นเรื่องสำคัญ 

ถ้าตกลงไม่ได้ก็แยกกระเป๋ากันจะดีกว่า 

ผู้ชายหลายคนมักจะให้ฝ่ายหญิงเป็นคนเก็บเงิน และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และ หลายครั้งที่ฝ่ายหญิงรู้สึกว่าเงินที่ให้มานั้นไม่พอกับรายจ่าย ขณะที่ฝ่ายชายก็รู้สึกว่า ทำไมภรรยาตัวเอง บริหารเงินไม่เก่ง หรือมีของบางชิ้นที่ภรรยา อยากได้แต่ไม่กล้าซื้อเพราะคิดว่าเป็นเงินของสามี หรือ ของบางชิ้น สามีอยากได้แต่ไม่กล้าขอเพราะเงินอยู่กับภรรยา เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้จะค่อยๆกรัดกร่อนในใจไปเรื่อยๆ ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือการแยกกระเป๋ากันไปเลย และ แบ่งความรับผิดชอบกันไป จะทำให้เกิดความรับผิดชอบของแต่ละคน และลดความรู้สึกต่อกันได้ดีกว่า