5 เทรนด์ต้องจับตาในรอบสัปดาห์

วิกฤต “กทม.-ปริมณฑล” ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานพุ่ง

โมเดลพยากรณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงวันที่ 13 – 14 ม.ค. 62 อากาศยังคงลอยตัวไม่ดี สภาพอากาศค่อนข้างปิด ทั้งนี้กรมควบคุมมลพิษได้ประสานงานกับกทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล เพื่อดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ กทม. ได้มีคำสั่งให้ทุกเขตดำเนินการกวาดล้างถนนอย่างเข้มงวดทุกวัน พร้อมทั้งจัดอุปกรณ์ฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง ตรวจวัดควันดำ และรณรงค์ลดฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง รวมทั้งประสานกับกรมฝนหลวงฯ จัดให้มีการตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมปฏิบัติการในวันที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยในการทำฝนเทียม โดยข้อแนะนำสำหรับการปฏิบัติตน ในพื้นที่ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ คือ 1. ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากกรมควบคุมมลพิษ 2. หมั่นสังเกตอาการทางสุขภาพเบื้องต้น เช่น ไอ หรือระคายเคืองตา 3. สำหรับพื้นที่ที่มีฝุ่นละลองหนาแน่น ให้อยู่ภายในบ้าน แต่หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยคุณภาพดี ที่สามารถป้องกันฝุ่นได้ในระดับสูงได้

ดุสิตโพลเผยคน 63.75% มองเลื่อนเลือกตั้งไม่คุ้มค่า

สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรกับการเลื่อนเลือกตั้ง โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,029 คน สรุปผลได้ดังนี้ 1. ประชาชนคิดอย่างไรกับการเลื่อนเลือกตั้ง อาจไม่ใช่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ อันดับหนึ่ง 31.5% ระบุขอให้ทุกคนทุกฝ่าย เห็นแก่ส่วนรวม ไม่สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือ 2. ข้อดีของการเลื่อนเลือกตั้ง อันดับหนึ่ง 48.45% ระบุทั้งผู้สมัครและพรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัว ลงพื้นที่หาเสียงได้มากขึ้น 3. ข้อเสียของการเลื่อนเลือกตั้ง อันดับหนึ่ง 49.17% ระบุบ้านเมืองขาดเสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 4. เมื่อพิจารณาแล้ว ประชาชนคิดว่าการเลื่อนเลือกตั้งจะทำให้เกิดความคุ้มค่าหรือไม่ อันดับหนึ่ง 63.75% ระบุว่าไม่คุ้มค่า เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจ การเมืองขาดเสถียรภาพ เสื่อมเสียภาพลักษณ์ เป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง

ซูเปอร์โพลเผย 85.6% ชี้ “บิ๊กตู่” เหมาะสมเป็นนายกมากที่สุด

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องคุณธรรม จริยธรรม นักการเมือง จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 1,018 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ระบุ ภาพลักษณ์นักการเมืองที่ได้รับรู้จากข่าวสื่อมวลชน มีความเสื่อมเสียมากกว่าดี โดยเป็นห่วงกรณีที่มีข่าวสัมพันธ์รัก นักการเมืองกับนักเคลื่อนไหวในคลิปที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ ส่งผลต่อพรรคการเมือง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่า เสื่อมเสียต่อพรรคการเมือง นอกจากนี้กรณีมีข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงมติรัฐมนตรีถือหุ้นสัมปทานรัฐผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น มีผลต่อพรรคการเมืองต้นสังกัด โดยประชาชนส่วนใหญ่คิดว่า คุณธรรมจริยธรรมนักการเมือง ที่จะเป็นรัฐบาลในอนาคตยังมีไม่มากพอ และยังไม่ผ่านเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 85.6 ยังระบุว่ายังไม่มีใครที่มีเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

21 ม.ค.นี้ ขสมก.ขึ้นค่าตั๋วเมล์ร้อน เริ่ม 8 – 9.5 บาท

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยความคืบหน้าการปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะหมวด 1-4 ตามมติของคณะกรรมการฯ คือเริ่มวันที่ 21 มกราคมนี้ ซึ่งยังคงเป็นกำหนดการเดิม แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีข้อขัดแย้ง ผู้ประกอบการสามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้ทันที ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้มีมติให้รถเมล์ของขสมก. และรถร่วมบริการปรับราคาขึ้น 1 บาท ส่วนรถปรับอากาศให้ปรับขึ้นระยะละ 1 บาท ส่งผลให้ค่าโดยสารรถธรรมดาขสมก. จากเดิม 6.50 บาทตลอดสาย เป็น 8 บาทตลอดสาย รถโดยสารปรับอากาศ (ครีม-น้ำเงิน) จากเดิม 10-18 บาทตามระยะทาง เป็น 12-20 บาท รถโดยสารปรับอากาศยูโร (สีส้ม) และรถปรับอากาศเชื้อเพลิง NGV (สีขาว) จากเดิม 11-23 บาทเป็น 13-25 บาท ตามระยะทาง ขณะที่ รถร่วมบริการขสมก. ปรับราคา จาก 9 บาทเป็น 10 บาท รถปรับอากาศ 2 ประเภท แบบขาว-น้ำเงิน ปรับราคาระยะละ 1 บาท จากเริ่มต้น 12 บาทเป็น 13 บาท และรถสีครีมจากราคา เริ่มต้น 13 บาทเป็น 14 บาท

“ใบขับขี่ดิจิทัล” บนมือถือ เริ่มใช้ 15 ม.ค.นี้

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผยว่า กรมขนส่งทางบกจะเปิดใช้งานใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ เสมือนใบขับขี่ของจริงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมทั้งมีระบบแจ้งเตือนให้มาดำเนินการเปลี่ยนชนิด หรือขอต่อใบอนุญาตขับรถล่วงหน้า บนจอโทรศัพท์มือถืออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการแสดงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ อาทิ สิทธิการเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือชื่อผู้ติดต่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น ซึ่งใบขับขี่ 1 บัตรจะใช้ได้ต่อ 1 หมายเลขโทรศัพท์ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถตรวจสอบรายละเอียดของบุคคลนั้น ผ่านข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือได้ หากผู้ใดสนใจก็สามารถติดต่อ ขอทำใบอนุญาตขับขี่ที่มี QR Code ได้ที่กรมการขนส่งทางบกทุกพื้นที่ ซึ่งใบขับขี่ดิจิทัลจะเริ่มใช้จริง ตั้งแต่วันอังคารที่ 15 ม.ค. 2562 และคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวก ต่อทั้งผู้ถือใบขับขี่และเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี