ทัวร์มหาวิทยาลัยศิลปะในกรุงฮานอย เวียดนาม ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน

พูดถึงมหาวิทยาลัยที่สอนศิลปะ ในเมืองไทยก็มีมาก ทั้งที่เน้นและไม่เน้นก็ตาม  แต่วันนี้จะมาเล่าถึงประสบการณ์การเดินเด๋อๆ ด๋าๆ เข้าไปในมหาวิทยาลัยสอนศิลปะของเวียดนาม  ที่ได้ทั้งเพื่อนใหม่และได้เห็นอะไรใหม่ๆ จากคนที่เรียนอะไรเหมือนกันอีกด้วย

เมื่อปี 2014 ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวประเทศเวียดนาม  ซึ่งถือว่าเป็นการพักผ่อนในกรุงฮานอย และไม่มีแผนการเที่ยวอะไรมากมาย  นอกจากเดินไปเรื่อยๆ รับบรรยากาศดีๆ ตลอดทั้งวัน

เดินในกรุงฮานอยก็เจอแกลอรี่ตามถนนต่างๆ เยอะเหมือนกัน  แต่ว่าแต่ละที่ก็จะวาดภาพคล้ายๆ กัน ทุ่งหญ้า วิถีชีวิต หรือภาพกึ่งๆ โมเดิร์น กึ่งๆ Traditional ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก ด้วยความที่อยากหาร้านขายอุปกรณ์ศิลปะก็เลยถามศิลปินที่เค้าอยู่ในแกลอรี่นั่นแหละ  เอาแผนที่ให้เค้าดู ให้เค้าจิ้มให้ สุดท้ายก็ได้เจอร้านขายอุปกรณ์ที่อยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยพอดี

ร้านเครื่องเขียนหนึ่งคูหาที่ขายทุกอย่าง อยากได้อะไรบอก

เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋ว  คูหาเดียว แต่ขายของสากกะเบือยันเรือรบ ต้องการอะไรมีให้หมด ขายในราคาที่คนไทยอย่างเราต้องกรี๊ด เพราะมันถูกมาก! พู่กันสีน้ำมันคุณภาพดีๆ ไซส์ต่างๆ ในราคาไม่ถึงร้อยบาท และมีให้เลือกจนไม่อยากกลับบ้าน คุ้มค่ามากๆ ที่เดินทางไกลมา

บรรยากาศจากข้างในมหาวิทยาลัย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ยุโรปหน่อยๆ

Vietnam University of Fine Arts มหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างมาก  เพราะนึกอยากเข้าก็เดินเข้าไปเลย  ด้วยความอยากรู้ว่าเขาทำอะไรกันอยู่  และก็ไปเจอแจ็คพอต นักศึกษากำลังส่งงานอาจารย์อยู่พอดี

อาจารย์เดินตรวจและวิจารย์งานทีละคน

บรรยากาศการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยต่างจากในไทยเท่าไร  เป็นห้องโล่งๆ ที่เอาไว้ทำงานแล้วก็ส่งงานด้วย  แต่ทุกคนก็ค่อนข้างงงๆ หน่อยว่าแก๊งต่างชาตินี่โผล่มาได้ยังไง (ฮ่า)

พอลองส่องเข้าไปดูงานของนักศึกษาก็พบว่ามีรายละเอียดที่น่าสนใจมาก  สารภาพเลยว่าตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาทำไฮไลท์เป็นเส้นๆ ได้ยังไง  พอได้ถามแล้วถึงเข้าใจว่า อ่อ มันคือยางลบที่ทำมาเป็นซี่ๆ ให้แล้ว  ก็เลยไปจัดมา 10 ก้อนเน้นๆ  (รวมแล้วราคา 10 กว่าบาทเท่านั้น! พระเจ้า)

ไฮไลท์เป็นเส้นๆ ที่เกิดจากยางลบซี่ๆ เก๋เวอร์

มีโอกาสเห็นทั้งงานวาดเส้น แล้วก็งานจิตรกรรม เพราะเขากำลังส่งงานไฟนอลกันอยู่นั่นแหละ

ได้พูดคุยกับนักศึกษาที่กำลังรออาจารย์ตรวจงานอยู่ ก็พบว่า อ่าว เรียนปีเดียวกันเลย!  ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถามโน่นนี่เกี่ยวกับประเทศไทยและเวียดนามมาบ้าง  และเมื่อคุยเกี่ยวกับการเรียนศิลปะ แก๊งนักศึกษาเวียดนามก็ตกใจประเด็นที่ว่า  “คณะเธอมีนิสิตกว่า 40 คนในชั้นเรียน!”  ไม่แปลกใจเท่าไรที่เขาจะตกใจขนาดนั้น เพราะในประเทศเวียดนาม มีนักศึกษาแค่สิบกว่าคนต่อรุ่นเท่านั้น  ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่พอดีสำหรับการเรียนศิลปะนะ  เป็นจำนวนที่อาจารย์สามารถให้คำปรึกษาได้ทั่วถึง และการันดีได้พอสมควรว่าคนที่เข้ามานั้นต้องมีคุณภาพจริงๆ

ภายในมหาวิทยาลัยที่บรรยากาศเงียบๆ (มากๆ) เย็นสบาย ยังมีหอศิลป์สำหรับแสดงงานที่เรียกได้ทำว่า ทำดี เลยทีเดียว  น่าจะไว้แสดงงานสำหรับนักศึกษา อาจารย์ รวมถึงศิลปินเบอร์ใหญ่ด้วย เท่าที่ดูเรายังไม่เห็นผลงานที่เป็น Modern Art เท่าไรนัก ส่วนมากจะเน้นเรื่องราวชีวิตประจำวันในประเทศ และดูเป็น Traditional พอสมควร

งานของนักศึกษาที่กำลังส่งไฟนอล
งานของนักศึกษาที่กำลังส่งไฟนอล

น่าเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสเดินไปดูห้องเรียนวิชาอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย เพราะรู้สึกว่าแค่เราเดินเข้าไปในห้องที่กำลังตรวจงานอยู่ก็เกรงใจพออยู่แล้ว แต่ดูจากขนาดของสถานที่เทียบกับจำนวนคนที่เรียนในแต่ละปีแล้ว น่าจะกว้างใหญ่พอให้ทำงานออกมาได้เต็มที่เลยล่ะ

โดยรวมแล้วต้องบอกว่า น่าอยู่และน่าเรียนมาก เนื่องจากช่วงเดือนธันวาคมของเวียดนามเหนือนั้นอากาศกำลังดี (15-20 องศาเซลเซียส) ความเงียบสงบ เป็นหลักเป็นแหล่ง ความเป็นระบบของการเรียน ทำให้นักเรียนศิลปะในประเทศไทยรู้สึกโหยหาอะไรแบบนี้เหลือเกิน